Page 52 - คู่มือการวิเคราะห์ดินทางเคมีเพื่อประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน
P. 52
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
44
ดินที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของพืช พอสรุปได้ด้งนี้ (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2548 ;
พจนีย์, 2544 ; ปิยะ, 2556)
ตำรำงที่ 1 ระดับความเป็นกรดเป็นด่างของดินหรือพีเอซ (pH) และอิทธิพลต่อพืช
ค่าพีเอช ระดับ อิทธิพลต่อพืช
<3.5 กรดรุนแรงมากที่สุด ช่วง pH <3.5-5.5 ของดินเป็นระดับ
3.5-4.5 กรดรุนแรงมาก ความเป็นกรดของดินที่มีปัญหาต่อ
4.6-5.0 กรดจัดมาก การปลูกพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งความ
5.1-5.5 กรดจัด เป็นพิษต่อพืชและธาตุบางชนิดในดิน
เช่น Fe Mn Al ฯลฯ และการเกิดการ
ตรึงฟอสฟอรัสในดินเป็นจ านวนมาก
5.6-6.0 กรดปานกลาง ช่วง pH 5.6-7.3 ของดิน เป็นระดับที่
6.1-6.5 กรดเล็กน้อย มีปัญหาต่อพืชน้อยที่สุด หรือเป็นช่วง
6.6-7.3 เป็นกลาง ที่เหมาะสมที่สุดต่อการเจริญเติบโต
ของพืช
7.4-7.8 ด่างเล็กน้อย ดินที่มีสมบัติเป็นด่างปานกลางถึงเป็น
7.9-8.4 ด่างปานกลาง ด่างจัดมาก (pH 7.9->9.0) พืชที่ปลูก
8.5-9.0 ด่างจัด อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการขาดธาตุ
>9.0 ด่างจัดมาก อาหารพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส
เหล็ก แมงกานีส โบรอน ทองแดง
และสังกะสี
ที่มา : ปิยะ (2556)
บทบำทของพีเอชต่อควำมเป็นประโยชน์ได้ของธำตุอำหำรพืช
(1) ธาตุอาหารหลัก
ไนโตรเจน ความเป็นประโยชน์ของไนโตรเจนจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางชีววิทยา
(biological process) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องมีเอนไซม์หรือจุลินทรีย์ดินเข้ามาเกี่ยวข้องจึงจะ
เกิดขึ้นได้ โดยกระบวนการไนทริฟิเคชัน (nitrification) เป็นกระบวนการที่ส าคัญที่ท าให้ NH3 หรือ
NH4 ถูกออกซิไดส์ไปเป็นไนไตรต์ และไนไตร์ดจะถูกออกซิไดส์อีกครั้งหนึ่งให้เป็นไนเตรต ซึ่งจะเป็น
+
ประโยชน์ต่อพืช เพราะถ้าไนไตรต์สะสมในดินเป็นจ านวนมากก็จะเป็นพิษต่อพืชได้ สภาพความเป็น
กรดเป็นด่างที่เหมาะสมต่อการเกิดกระบวนกรนี้อยู่ระหว่าง 6.5-7.5 ปกติแล้วไม่ควรจะต่ ากว่า 4.5 ถ้า
ต่ ากว่านี้กระบวนการไนทริฟิเคชั่นจะหยุดทันที ทั้งนี้เพราะ nitrifying bacteria ค่อนข้างไวต่อสภาพ
ความเป็นกรดเป็นด่างมาก และถ้าค่าพีเอชเกินกว่า 7.5 กระบวนการดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นในอัตราที่ช้า
ลงหรือหยุดชงักในที่สุด
ฟอสฟอรัส ระดับความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินจะขึ้นอยู่กับค่าพีเอชของดิน
เป็นอย่างมาก เมื่อดินมีค่าพีเอชต่ ามาก คือดินมีความเป็นกรดรุนแรงมาก เหล็กและอะลูมินัมที่ละลาย
ออกมามากจะตรึงฟอสฟอรัสให้อยู่ในรูปของเหล็กและอะลูมินั่มฟอสเฟตที่ละลายยาก พืชไม่สามารถ
น าไปใช้ประโยชน์ได้ สภาพความเป็นกรดเป็นด่างหรือพีเอชที่เหมาะสมต่อการละลายของฟอสเฟตที่
พืชน าไปใช้ประโยชนืได้อยู่ในช่วงระหว่าง 6-7 ซึ่งฟอสเฟตจะถูกตรึงน้อยที่สุด เมื่อดินมีค่าพีเอชสูงกว่า