Page 45 - การศึกษาวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากภาคใต้
P. 45
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
39
ภาคใต้ยังไม่ได้มีการขยายของเมืองมากเท่าปัจจุบัน ท าให้น้ าท่วมขังที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนถูกระบายลง
ทะเลได้อย่างเร็ว แม้จะมีน้ าท่วมแต่ก็สามารถระบายได้อย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างไปขวางทาง
น้ าไหลตามธรรมชาติ เช่น หมู่บ้านจัดสรร การถมที่เพื่อเตรียมก่อสร้างท าทางระบายน้ าถูกตัดขาด
การสร้างถนนเรียบริมทะเลที่สูงเกินท าให้สภาพเป็นสันเขื่อนที่ปิดกั้นทางน้ าไหลลงสู่ทะเล ท่อระบายน้ ามี
ขยะกีดขวางทางไหลน้ า พื้นที่คลองส่งน้ าถูกถมท าให้น้ าไม่มีที่ระบาย จนท าให้เกิดน้ าท่วมขึ้นในเขตเมือง
และพื้นที่โดยรอบ พื้นที่ที่เกิดน้ าท่วมซ้ าซากเป็นประจ า ได้แก่ อ าเภอปากพนัง จ านวน 800805 ไร่
อ าเภอเมือง จ านวน 43,646 ไร่ และอ าเภอเฉลิมพระเกียรติ จ านวน 30,990 ไร่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นต้น
ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกนั้น ลุ่มน้ ามีขนาดเล็ก แต่มีความลาดชันรวมค่อนข้างสูงและปริมาณฝน
โดยทั่วไปจะสูงกว่าฝั่งตะวันออก อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสภาวะโดยทั่วไปจะเอื้ออ านวยให้เกิดน้ าท่วมได้
เป็นอย่างดี แต่พื้นที่ที่มีโอกาสเกิดน้ าท่วมมีน้อย ได้แก่ บริเวณที่ราบน้ าทะเลท่วมถึงในปัจจุบัน
ส่วนนอกนั้นจะเป็นที่ราบแคบๆ ตามล าน้ า และเนื่องจากทางน้ าส่วนใหญ่มีความลาดชันค่อนข้างสูง
การเกิดน้ าท่วมจะไม่ท่วมขังนาน เนื่องจากมีการระบายลงสู่ทะเลได้เร็วและสะดวก ผลกระทบจึงมีน้อยกว่า
ฝั่งตะวันออก ได้แก่ จังหวัดพังงา ตรัง และสตูล เป็นต้น
4.1.2 พื้นที่น้ าท่วมซ้ าซากบ่อยครั้ง มีน้ าท่วมขัง 4-7 ครั้งในรอบ 10 ปี
พื้นที่เหล่านี้จะอยู่ในบริเวณที่มีปริมาณน้ าฝนต่อปีต่ ากว่า ,0000 มิลลิเมตร หรือไม่ก็เป็น
บริเวณที่ความลาดของทางน้ าต่ า บริเวณที่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม ระยะทางจากสันปันน้ าของลุ่มน้ าจนถึง
ปากแม่น้ าค่อนข้างยาว ซึ่งจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน เช่น ลุ่มน้ าภาคใต้ตอนบน
ลุ่มน้ าปัตตานี และลุ่มน้ าทะเลสาบสงขลา จะเกิดน้ าท่วมบ้างแต่ไม่บ่อยครั้ง ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกนั้น
จะจ ากัดเฉพาะในบริเวณที่มีปริมาณน้ าฝนค่อนข้างสูงเท่านั้น สภาพการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ า
แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะเช่นกัน คือ อุทกภัยที่เกิดในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ าตอนบนและล าน้ าสาขาต่างๆ
เกิดจากการที่มีฝนตกหนักและน้ าป่าไหลหลากจากต้นน้ าลงมามากจนล าน้ าสายหลักไม่สามารถระบายน้ าได้ทัน
ประกอบกับมีสิ่งกีดขวางจากเส้นทางคมนาคมขวางทางน้ า และมีการระบายน้ าไม่เพียงพอ พื้นที่ที่เกิด
น้ าท่วมซ้ าซากบ่อยครั้ง ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบไปด้วย อ าเภอปากพนัง จ านวน 118,946 ไร่
อ าเภอหัวไทร จ านวน 93,266 ไร่ และอ าเภอเมือง จ านวน 65,413 ไร่ จังหวัดพัทลุง ได้แก่ อ าเภอเมืองพัทลุง
จ านวน 44,029 ไร่ และจังหวัดสงขลา ได้แก่ อ าเภอระโนด จ านวน 95,625 ไร่ เป็นต้น
4.1.3 พื้นที่น้ าท่วมซ้ าซากเป็นครั้งคราว มีน้ าท่วมขังไม่เกิน 3 ครั้งในรอบ 10 ปี
พื้นที่ที่มีโอกาสที่จะเกิดน้ าท่วมระดับต่ า พื้นที่ดังกล่าวนี้มีอยู่เพียงบริเวณเดียว คือบริเวณ
ลุ่มน้ าชายฝั่งทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีปริมาณน้ าฝนค่อนข้างต่ าน้อยกว่า 1,300 มิลลิเมตร
มีระยะห่างจากล าน้ ามาก สภาพความลาดชันของพื้นที่ลุ่มน้ ามากน้ าสามารถไหลลงสู่ทางน้ าได้อย่างรวดเร็ว
พื้นที่นี้จึงประสบกับปัญหาน้ าท่วมน้อยมาก และมักเกิดการท่วมขังเป็นระยะเวลาสั้น จึงไม่ส่งผลกระทบ
ต่อพื้นที่การเกษตรมากนัก พื้นที่ที่เกิดน้ าท่วมซ้ าซากเป็นครั้งคราว ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ประกอบไปด้วย อ าเภอปากพนัง จ านวน 265,023 ไร่ อ าเภอหัวไทร จ านวน 259,829 ไร่ และอ าเภอชะ
อวด จ านวน 245,165 ไร่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ อ าเภอพุนพิน จ านวน 219,727 ไร่ เป็นต้น