Page 40 - การใช้ประโยชน์ของชุดตรวจดินภาคสนามสำหรับการจัดการปุ๋ยเพื่อการปลูกพืชผักในจังหวัดลำพูน
P. 40
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
27
ในการก าหนดอัตราปุ๋ยส าหรับผักคะน้า พ.ศ. 2558 พบว่า ในต ารับการทดลองที่ 3 อัตรา
ตามค่าวิเคราะห์ดินของห้องปฏิบัติการ และการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์อินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่
เป็นประโยชน์ได้ และโพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ประเมินอัตราปุ๋ยจากค่าวิเคราะห์ดินโดย
ใช้เกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตร สามารถแปลผลได้ คือ N-P O -K O เท่ากับ 15-5-5 กิโลกรัมต่อไร่
2 5 2
และก าหนดอัตราการใส่ N, P และ K โดยมีอัตราการใส่ปุ๋ย ดังนี้ ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 32.61 กิโลกรัมต่อ
ไร่ ปุ๋ย 0-46-0 อัตรา 10.87 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ย 0-0-60 อัตรา 8.33 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ
ส าหรับต ารับการทดลองที่ 6 ที่วิเคราะห์ดินโดยชุดตรวจดินภาคสนาม เกษตร สามารถแปลผลได้ คือ
N-P O -K O เท่ากับ 15-5-10 กิโลกรัมต่อไร่ และก าหนดอัตราการใส่ N, P และ K โดยมีอัตราการ
2 5 2
ใส่ปุ๋ย ดังนี้ ปุ๋ย 46-0-0 อัตรา 32.61 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ย 0-46-0 อัตรา 10.87 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ย
0-0-60 อัตรา 16.67 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ ดังตารางที่ 8
เมื่อเปรียบเทียบผลการวิเคราะห์ดินก่อนปลูกจากแปลงทดลองปลูกผักคะน้า พ.ศ. 2558 ที่
ได้จากห้องปฏิบัติการ ของกลุ่มวิเคราะห์ดิน ส านักงานพัฒนาที่ดินเขต 6 กับผลการวิเคราะห์ดินด้วย
ชุดตรวจดินภาคสนาม กรมพัฒนาที่ดิน โดยพิจารณาจากระดับของความเป็นกรดเป็นด่าง
อินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ และโพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ พบว่า ความเป็น
กรดเป็นด่าง อินทรียวัตถุ และฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ได้ ที่วิเคราะห์ดินด้วยชุดตรวจดินภาคสนาม
กรมพัฒนาที่ดิน มีความสอดคล้องกับค่าวิเคราะห์ดินจากห้องปฏิบัติการ ส าหรับค่าวิเคราะห์
โพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้นั้น พบว่า การตรวจวัดโดยชุดตรวจดินภาคสนาม มีความคลาด
เคลื่อนจากค่าวิเคราะห์ดินจากห้องปฏิบัติการเพียง 1 ระดับ คือ ตรวจวัดได้ต่ ากว่า โดยมีปริมาณ
โพแทสเซียมที่สามารถแลกเปลี่ยนแลกเปลี่ยนได้อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งความคลาดเคลื่อนดังกล่าว
ถือได้ว่าเป็นความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ เพราะการตรวจสอบปริมาณของโพแทสเซียมที่สามารถ
แลกเปลี่ยได้ในดินของชุดตรวจดินภาคสนาม อาศัยปฏิกิริยาการตกตะกอนของโพแทสเซียมอิออนใน
สารละลายที่ได้จากการสกัดดิน และการตรวจสอบปริมาณตะกอนที่เพิ่มขึ้น ใช้การสังเกตความชัดเจน
ของแถบสีด าบนกระดาษที่วางทาบหลังหลอดแก้วที่ใช้ทดสอบด้วยสายตาของผู้วิเคราะห์ ซึ่งความ
แม่นย าในการตรวจวัดขึ้นอยู่กับสายตา และความช านาญในการใช้อุปกรณ์ในการตรวจสอบ