Page 15 - ผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินที่ปลูกในชุดดินนครพนม จังหวัดบึงกาฬ
P. 15
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
7
ข้าวโพดต้องการธาตุอาหารและน้ าอย่างเพียงพอ จึงควรให้น้ าตามร่องคูพร้อมกับใส่ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่
2 โดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ โรยข้างร่องน้ าที่ดินมีความชื้นอยู่หลังจากให้น้ า
แล้ว ระยะสร้างเมล็ด (9-14 สัปดาห์หลังปลูก) เมื่อข้าวโพดอายุได้ 9-14 สัปดาห์หลังปลูก ควรให้น้ า
ตามร่องคูอย่างสม่ าเสมอและระมัดระวังการหักล้มของข้าวโพดในระยะนี้ เนื่องจากอาจมีพายุฤดูร้อน
เข้าท าลายความเสียหาย ให้กับข้าวโพด และ ระยะสุกแก่ทางสรีรวิทยา (15-16 สัปดาห์หลังปลูก)
ควรเก็บเกี่ยวข้าวโพดเมื่อฝักแก่จัดและแห้งสนิทโดยปล่อยให้ต้นแห้งสนิท ซึ่งจะมีความชื้นเมล็ด
ประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเก็บฝักแล้วควรน ามาตากแดดประมาณ 1-2 แดดเพื่อลด
ความชื้นให้ต่ า จากนั้นน าไปสีกะเทาะเมล็ดพร้อมกับบรรจุกระสอบส่งจ าหน่ายต่อ
สมชาย (2552) ได้แนะน าให้ใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา ได้แก่ การใช้ปุ๋ย
ไนโตรเจน อัตรา 20 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแบ่งใส่ไนโตรเจนถึง 3 ครั้ง คือ ใช้ปุ๋ยไนโตรเจนเป็นปุ๋ยรองพื้น
ปุ๋ยแต่งหน้าครั้งที่ 1 (3-4 สัปดาห์หลังปลูก) และครั้งที่ 2 (7-8 สัปดาห์หลังปลูก) อัตรา 8 7 และ 5
กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ ให้ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ตามค่าวิเคราะห์ดินจากค าแนะน าของกรม
วิชาการเกษตร คือ ถ้าดินมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงกว่า 15 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ไม่ต้องใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัส
ก่อนปลูก หากฟอสฟอรัสในดินมีปริมาณ 10 -15 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมและต่ ากว่า 10 มิลลิกรัมต่อ
กิโลกรัม ควรใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัส อัตรา 5 หรือ 10 กิโลกรัม P O ต่อไร่ ตามล าดับ และถ้าดินมีปริมาณ
2 5
โพแทสเซียมสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ไม่จ าเป็นต้องใส่ปุ๋ยโพแทสเซียมก่อนปลูก หาก
โพแทสเซียมในดินมีปริมาณ 40 -100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมและต่ ากว่า 40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ควร
ใส่ปุ๋ยโพแทสเซียม อัตรา 5 หรือ 10 กิโลกรัม K O ต่อไร่ ตามล าดับ
2
Inthong (1999) ศึกษาเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยเคมีในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาในดิน 2 ชนิด ได้แก่
Sandy clay loam และ Clay โดยท าการทดลองเปรียบเทียบการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 5 อัตรา คือ 0 9.6
14.4 19.2 และ 24.0 กิโลกรัม N ต่อไร่ พบว่า ดินทั้งสองชนิดให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันอย่างมี
นัยส าคัญทางสถิติ และการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา 19.2 และ 24.0 กิโลกรัม N ต่อไร่ให้ผลผลิตเมล็ด
ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ทั้งการใส่ปุ๋ยทั้งสองอัตราดังกล่าวให้ผลผลิตเมล็ดสูงกว่าการ
ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 9.6 และ 14.4 กิโลกรัม N ต่อไร่ และให้ผลผลิตเมล็ดสูงกว่าการไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน
ตามล าดับ จึงแนะน าให้ใช้ปุ๋ยไนโตรเจน อัตรา 19.2 กิโลกรัม N ต่อไร่ โดยใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัส อัตรา
12.8 กิโลกรัม P O ต่อไร่ และใช้ปุ๋ยโพแทสเซียม อัตรา 12.8 กิโลกรัม K O ต่อไร่และจากการ
2 5
2
วิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อเปรียบเทียบการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 19.2 กิโลกรัม N ต่อไร่
กับ 14.4 กิโลกรัม N ต่อไร่ พบว่า การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นมีผลตอบแทนส่วนเพิ่มร้อยละ 655 ซึ่ง
คุ้มค่าการลงทุนที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 19.2 กิโลกรัม N ต่อไร่กับ 24.0
กิโลกรัม N ต่อไร่ พบว่าให้ผลผลิตไม่แตกต่างกัน โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนที่เพิ่มขึ้นมีผลตอบแทนส่วน
เพิ่มร้อยละ 184
Aromsawa et al. (2011) ใช้กากตะกอนมูลสุกรเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ข้อมูลแตกต่างกันทาง
สถิติอย่างมีนัยส าคัญยิ่ง และศึกษาผลของกากตะกอนมูลสุกรในอัตราต่าง ๆ ที่มีต่อผลผลิตข้าวโพด
เลี้ยงสัตว์หลังนา โดยเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 4 อัตรา ได้แก่ การไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ การใส่ปุ๋ย
อินทรีย์เม็ด อัตรา 60 และ 120 กิโลกรัมต่อไร่ และการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดผง อัตรา 60 กิโลกรัมต่อไร่
พบว่า การไม่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้ผลผลิตต่ ากว่าการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดผง อัตรา 120