Page 45 - การไถกลบต่อซังร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดิน ตำบลบ้านกลึง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
P. 45
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
33
3. ก่อนถึงวันเก็บเกี่ยว 10 วันถ้ายังคงมีน้ าอยู่ในนา ให้ระบายน้ าออกจากนาให้หมด เพื่อให้
ข้าวสุกแก่สม่ าเสมอ แปลงนาที่แห้งจะสะดวกในการลงไปท างาน ทั้งการเก็บเกี่ยวด้วยแรงงานคน และ
เครื่องจักร
4. ก าหนดวันที่เก็บเกี่ยว ถ้าสามารถรับฟังการพยากรณ์อากาศได้ หากคาดว่าจะมีฝนตก
ในช่วงวันเก็บเกี่ยว อาจท าการเก็บเกี่ยวก่อน หรือหลังวันที่ก าหนดได้ แต่ควรมีแผนการขนย้ายผลผลิต
หรือการเก็บผลผลิตไว้ในยุ้งฉาง ในสภาพที่แห้ง
การลดความชื้นผลผลิตข้าว
หลังการเก็บเกี่ยว การนวดผลผลิตข้าว และท าความสะอาดโดยการฝัดแล้ว ยังไม่สามารถ
เก็บรักษาเมล็ดข้าวที่มีความชื้นสูงไว้ในโรงเก็บได้ เพราะเมล็ดมีการหายใจท าให้เกิดความร้อน จะท า
ให้เกิดเชื้อราเข้าท าลาย ควรลดความชื้นในเมล็ดก่อนเก็บ โดย
1. การตากข้าวบนลานตาก ตากเมล็ดข้าวบนลานที่ท าความสะอาดแล้ว ไม่ควรตากบนพื้น
ซีเมนต์หรือพื้นถนนโดยตรง เพราะเมล็ดอาจได้รับความร้อนสูงเกินไป ควรปูพื้นด้วยผ้าใบหรือเสื่อ
สานด้วยไม้ไผ่ ความหนาของกองที่ตาก ประมาณ 5 -10 เซนติเมตร ไม่ควรหนาหรือบางเกินไป ควรมี
วัสดุคลุมกองข้าวเพื่อป้องกันน้ าค้างหรือฝน ระยะเวลาการตากข้าวประมาณ 2-3 แดด ไม่ควรตาก
นานเกินไป
2. การลดความชื้นโดยใช้เครื่องจักร ต้องมีความรู้ความเข้าใจการใช้เครื่องจักรเป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์ของการลดความชื้นเมล็ดเพื่อเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์ ต้องมีความระมัดระวังไม่ให้อุณหภูมิของ
เครื่องลดความชื้นจนมีผลต่อความงอกของเมล็ด ควรค านึงถึงค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติจะคุ้มหรือไม่
การเก็บรักษา
เป้าหมายหลักของการเก็บรักษาข้าว คือต้องมีการสูญเสียของข้าวในขณะเก็บรักษาน้อย
ที่สุดทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ หลักการเก็บรักษาโดยทั่วไปคือ ควรเก็บรักษาข้าวไว้ในสภาพหรือ
โรงเก็บที่มีความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิของอากาศต่ า(ในที่แห้งและเย็น)
วิธีการเก็บรักษาข้าว
การเก็บรักษาข้าวโดยทั่วๆ ไป แบ่งออกได้เป็น 4 วิธี ได้แก่
1. การเก็บในสภาพปกติ ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ
หมายถึง การเก็บข้าวไว้ในโรงเก็บปกติที่ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นสัมพัทธ์ภายในโรงเก็บ
เป็นวิธีที่นิยมใช้อยู่เป็นส่วนใหญ่ เพราะมีการลงทุนน้อย และเสียค่าใช้จ่ายต่ า แต่โอกาสที่จะเกิดความ
เสียหายในระหว่างการเก็บรักษามีสูง เช่น การเก็บในโรงเก็บหรือยุ้งฉางของเกษตรกร โรงสีหรือโกดัง
ส่งออกข้าวขนาดใหญ่ๆ
2. การเก็บในสภาพที่มีการควบคุมอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว เช่น การเก็บข้าวไว้ในตู้แช่
ตู้เย็น หรือในไซโลเก็บข้าวที่มีการเป่าลมเย็น เป็นต้น
3. การเก็บในสภาพที่มีการควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ ได้แก่ การเก็บข้าวไว้ใน
ภาชนะเก็บที่มิดชิด สามารถป้องกันการเคลื่อนที่ผ่านเข้าออกของอากาศได้ เช่น การเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้
ในปีปสังกะสี หรือ polyethylene bags เป็นต้น การเก็บข้าวในสภาพปิดเช่นนี้ ความชื้นของข้าวจะ
เป็นตัวก าหนดความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศภายในภาชนะที่เก็บ ถ้าความชื้นของข้าวต่ า ความชื้น
สัมพัทธ์ภายในภาชนะบรรจุก็จะต่ า ข้าวที่เก็บจะเกิดความเสียหายน้อย ถ้าความชื้นสัมพัทธ์ของข้าวสูง