Page 105 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 105

- 98 -


                            สําหรับข้อควรระวังในการใช้ชุดวัดปฏิกิริยาดินในสนาม จะต้องทําความสะอาดเบ้าใส่ตัวอย่างดิน
                  อย่างดี ไม่ให้มีการปนเปื้อนของผง หรือสารเคมีใดๆ และต้องระวังเรื่องการใช้เศษผ้าหรือกระดาษทิชชู่มาทํา

                  ความสะอาด เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนจากกรดเกลือหรือสารเคมีอื่นๆ ได้ที่ติดมาได้
                            นอกจากนี้ หากในเนื้อดินมีปูน ต้องทดสอบการทําปฏิกิริยา โดยการใช้กรดเกลือ ความเข้มข้น 0.1
                  N (0.1 N HCl) หยดไปที่ตัวดิน และสังเกตการทําปฏิกิริยาระหว่างดินกับกรดเกลือ















                  ภาพที่ 4-45  ชุดวัดปฏิกิริยาดินในสนาม

                            ปฏิกิริยาของดิน เป็นสมบัติทางเคมีที่มีความหมายในการศึกษาภาคสนามมาก เพราะเป็นการวัดค่า
                  ความเป็นกรดเป็นด่าง ในขณะที่ดินอยู่ในสภาพธรรมชาติ ปฏิกิริยาดินจะเป็นเครื่องช่วยวินิจฉัยถึงสภาพเบส

                  ระดับการผุพังอยู่กับที่ ปริมาณการชะละลาย ความเป็นประโยชน์ได้ของธาตุอาหารบางชนิดและความเป็นพิษ
                  ต่อพืช
                            ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของพืชทั้งทางตรงและทางอ้อม อิทธิพล

                  ทางตรง คือ เมื่อดินเป็นกรดจัดหรือเป็นด่างจัดจะเกิดอันตรายต่อรากพืช ทําให้รากพืชไม่สามารถดูดน้ําและแร่
                  ธาตุอาหารได้ เป็นเหตุให้พืชไม่เจริญเติบโตหรือเหี่ยวเฉาตายได้ ส่วนอิทธิพลทางอ้อม คือ ค่าความเป็นกรดเป็น
                  ด่างของดิน จะมีผลต่อการละลายของแร่ธาตุอาหารในดิน หรือทําให้แร่ธาตุอาหารไม่อยู่ในรูปที่รากพืชสามารถ

                  ดูดเอาไปใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อดินเป็นกรดจัด ธาตุฟอสฟอรัสจะถูกตรึงอยู่ในรูปที่พืชไม่อาจดูดเอาไปใช้ได้
                  ในทางกลับกันจะทําให้ธาตุเหล็กและอลูมิเนียมละลายในดินออกมามากจนเป็นพิษต่อพืช แต่ถ้าดินเป็นด่าง ธาตุ
                  บางอย่าง เช่น เหล็ก ไนโตรเจน หรือฟอสฟอรัส ก็จะอยู่ในรูปที่พืชไม่สามารถดูดเอาไปใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความ
                  เป็นกรดเป็นด่างของดิน ยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งมีบทบาทสําคัญต่อการสลายตัวของ

                  อินทรียวัตถุ และปลดปล่อยธาตุไนโตรเจนในดินให้แก่พืชอีกด้วย
                            ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินหรือค่าปฏิกิริยาดิน (pH) ของดินจะวัดออกมาเป็นหน่วย คือ มีค่า

                  เท่ากับ 1 จนไปถึง 14 ถ้ามีค่าเท่ากับ 7 ถือว่าเป็นกลาง ถ้ามีค่าต่ํากว่า 7 ถือว่าเป็นกรด แสดงว่าธาตุประจุบวก
                  ที่เป็นด่างที่เคยมีอยู่ในระบบดินถูกชะล้างออกไป และมีไฮโดรเจนไอออนเข้ามาแทนที่บริเวณผิวของอนุภาคดิน
                  เหนียว ถ้ามีค่าสูงกว่า 7 ถือว่าเป็นด่าง เป็นผลมาจากอิทธิพลของธาตุประจุบวกพวกโซเดียม แมกนีเซียม และ
                  แคลเซียมที่อยู่ในระบบดินยังมีปริมาณมาก

                            ค่าปฏิกิริยาดินที่ถือว่าเหมาะสมในการเจริญเติบโตของพืช ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงประมาณ 5.5-7.0
                  แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มีพืชบางชนิดสามารถขึ้นได้ดีในดินที่มีค่าปฏิกิริยาดินนอกเหนือไปจากช่วงดังกล่าว เช่น

                  ยาสูบ มะพร้าว มะม่วงหิมพานต์ มันเทศ ข้าวโพดฝักอ่อน หรือถั่วลิสง สามารถขึ้นได้ดีในดินที่มีค่าปฏิกิริยาดิน
                  เท่ากับ 5.0 เป็นต้น ถ้าดินเป็นกรดจัด และต้องการแก้ไขความเป็นกรดของดิน วัสดุหรือสารเคมีที่นิยมใช้กัน
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110