Page 103 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 103

- 96 -


                  เชื่อมต่อกันเป็นเม็ดโดยตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตหรือมาร์ล (marl) มาร์ลเป็นปูนแคลเซียมคาร์บอเนตที่
                  มีดินเหนียวหรือมีสารอื่นเจือปนอยู่ในปริมาณไม่แน่นอน มีลักษณะอ่อนและร่วนหรือจับกันเป็นก้อน ที่พบใน

                  ประเทศส่วนใหญ่จะมีแคลเซียมคาร์บอเนตร้อยละ 45-80
                            artifact หรือวัสดุแปลกปน เป็นเศษวัสดุจากสิ่งที่มนุษย์ทําขึ้น เช่น หม้อ ไห อิฐ ที่พบเป็นชิ้นส่วน
                  ในลักษณะต่างๆ อยู่ในดิน การพบสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ แสดงถึงอิทธิพลหรือกิจกรรมของมนุษย์ที่มีต่อดิน

                  สามารถคาดคะเนถึงลักษณะภูมิสัณฐานและวัตถุต้นกําเนิดดินในบริเวณนั้นๆ รวมทั้งพัฒนาการและระยะเวลา
                  ในการเกิดดินได้ จากหลักฐานทางโบราณคดี สามารถกล่าวได้ว่าหากพบ artifact หรือวัสดุแปลกปน ในดิน
                  แสดงว่า พื้นที่บริเวณนั้นมีอายุไม่เกินสมัยหินเก่า (Old Stone Age หรือ Palaeolithic Period) หรือประมาณ

                  10,000 ปี ซึ่งสอดคล้องกับ Soil Survey Division Staff (1993) กล่าวไว้ว่า พื้นผิวของสภาพพื้นที่ทั้งหมดมี
                  อายุไม่เกิน 10,000 ปี อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและระดับน้ําทะเล
                            จาโรไซต์ (jarosite) เป็นแร่ที่มีองค์ประกอบของโพแทสเซียม เหล็กซัลเฟต ซึ่งมีสูตรทางเคมี

                  KFe3(SO4)2(OH)6 มีสีเหลืองคล้ายสีฟางข้าว มักพบในดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนน้ํากร่อย (brackish
                  water deposit) ซึ่งตะกอนเหล่านี้มีเกลือซัลเฟตปะปนอยู่ด้วย เมื่อดินมีการระบายน้ําและการถ่ายเทอากาศได้
                  ดี กระบวนการทางชีวเคมีจะดําเนินไปอย่างต่อเนื่องหลายขั้นตอนจนสุดท้ายเกิดสารจาโรไซต์ และกรดกํามะถัน
                  (H2SO4) จึงเป็นสาเหตุทําให้ดินเปรี้ยวจัดหรือเป็นกรดจัด มีค่าปฏิกิริยาดินต่ํากว่า 4.0 การสังเกตในสนามจะ

                  พบจุดประของสารจาโรไซต์ ในหน้าตัดดินตอนล่าง มีสีเหลืองฟางข้าว ลักษณะคล้ายผงกํามะถัน เกาะตัวกัน
                  อย่างหลวมๆ ปะปนอยู่กับเนื้อดิน นอกจากจุดประของสารจาโรไซต์แล้วยังมีจุดประสีเหลือง แดงและ/หรือ
                  น้ําตาลของสารพวกเหล็ก และแมงกานีส เป็นต้น ปะปนอยู่ในเนื้อดินจํานวนมาก


                            ฎ. การศึกษาขอบเขตของขั้นดิน (Horizon Boundary)
                            ขอบเขตของชั้นดิน หมายถึงอาณาเขตระหว่างชั้นดิน ซึ่งจะแตกต่างกันในความชัดเจนและความสูง
                  ต่ํา (topography) ของแนวระหว่างชั้นที่อยู่ต่อเนื่องกัน ภาพความชัดเจนระหว่างชั้นและความสูงต่ําของแนว

                  ระหว่างชั้น แสดงตามภาพที่ 4-44
                               1. ความชัดเจนระหว่างชั้น (Distinctness of horizon boundaries) ให้ศึกษาจากบริเวณที่มี

                  การเปลี่ยนแปลงจากชั้นที่หนึ่งไปสู่อีกชั้นหนึ่ง (transitional zone)
                                  Abrupt  ความแตกต่างระหว่างชั้นเห็นได้ชัดเจนมาก ความหนาของส่วนที่เปลี่ยนแปลง
                  น้อยกว่า 2 เซนติเมตร

                                  Clear  ความแตกต่างระหว่างชั้นเห็นชัดพอประมาณ ความหนาของช่วงเปลี่ยนแปลง 2-5
                  เซนติเมตร

                                  Gradual  ความหนาของช่วงเปลี่ยนแปลง 5-15 เซนติเมตร

                                  Diffuse  ความหนาของช่วงเปลี่ยนแปลงมากกว่า 15 เซนติเมตร แต่ชั้นที่แตกต่างกันในแง่
                  วัตถุองค์ประกอบ เช่น ชั้น E กับ Bt หรือชั้น calcareous กับ non calcareous ถือว่าเป็น abrupt ได้

                               2. ความสูงต่ําของแนวระหว่างชั้น (Topography of horizon boundary) แบ่งออกได้ดังนี้
                                  Smooth แนวแบ่งเขตเกือบเป็นแนวตรง

                                  Wavy แนวแบ่งเขตเป็นแบบลูกคลื่นลอนลาด ความกว้างของลูกคลื่นมากกว่าความลึก

                                  Irregular คล้าย wavy แต่ความลึกมากกว่าความกว้าง
                                  Broken แนวแบ่งเขตไม่ติดต่อกัน
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108