Page 110 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 110
- 103 -
5.3 การเก็บตัวอย่างดินตามสภาพธรรมชาติ
การเก็บตัวอย่างดินที่ไม่ถูกรบกวนเพื่อนําไปวิเคราะห์ ก) สมบัติทางกายภาพ เช่น ค่าการนําน้ํา
(hydraulic conductivity) และความหนาแน่นรวมของดิน (bulk density) เป็นการเก็บตัวอย่างดินดินโดยใช้
กระบอกเก็บตัวอย่าง (core) ในแนวดิ่งจากชั้นบนลงไป ข) สมบัติทางจุลสัณฐานวิทยาของดิน (Soil
micromorphology) เป็นการเก็บตัวอย่างดินในชั้นที่ต้องการโดยใช้กล่องเก็บตัวอย่างดินคูเบียนา (Kubiena
box) รวมทั้ง ค) เพื่อทําแท่งหน้าตัดดินจําลอง (soil monolith) สําหรับเป็นหลักฐาน และเป็นแท่งตัวอย่างดิน
ใช้เผยแพร่องค์ความรู้สู่นักวิชาการทางดินและบุคคลทั่วๆ ไป เป็นการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้กล่องเก็บตัวอย่าง
ดิน
1. การเก็บตัวอย่างดินแบบ core method
ตัวอย่างจากการเก็บแบบ core method เป็นการเก็บดินในเชิงปริมาตร โดยใช้ที่ตอก core หรือ
การใช้ไม้ตอก การเก็บตัวอย่างดินแบบ core method มีรายละเอียด ดังนี้ (ภาพที่ 5-3)
1. ควรเก็บ core ภายหลังจากการเก็บตัวอย่างดินตัวที่ถูกรบกวน (ดินถุง) เสร็จแล้ว
2. core ขนาดมาตรฐานตามที่กรมพัฒนาที่ดินใช้ มีขนาด 3.5x7.5 เซนติเมตร มีคมด้านเดียว
พร้อมฝาพลาสติกปิดทั้ง 2 ด้าน ฝาพลาสติกขอบหนาจะใช้สําหรับปิดด้านที่มีคม
3. เก็บ core ในแนวดิ่งจากชั้นบนลงไป อย่างน้อยชั้นละ 2 ตัวอย่าง (ตามโครงการฯ นี้
กําหนดให้เก็บชั้นละ 3 ตัวอย่าง) เก็บ core ในแต่ละชั้นกําเนิดดิน บริเวณตอนกลางของชั้นนั้นๆ เพื่อให้เป็นตัว
แทนที่แท้จริง เช่น หากมีชั้นความลึกระหว่าง 20-40 เซนติเมตร ควรเก็บ core ที่ ระหว่างความลึก 28-31.5
เซนติเมตร หรือ หากชั้นความลึกอยู่ระหว่าง 65-90 เซนติเมตร ควรเก็บ core ที่ ระหว่างความลึก 75.5-79.0
เซนติเมตร
4. ปาดชั้นดินที่ไม่ต้องการออกด้วยมีดหรือพลั่ว จนถึงชั้นที่กําหนดหรือความลึกที่ต้องการเก็บ
วาง core ด้านที่มีคมลงบนดินให้ตั้งฉาก หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีรากพืชขนาดใหญ่ รูของสิ่งมีชีวิต หรือสิ่ง
แปลกปลอมอื่นๆ แล้วใช้ที่ตอก core ตอกลงไป จนให้ดินเลยขอบของ core ขึ้นมาประมาณ 1-2 เซนติเมตร
สําหรับการใช้ไม้ตอก ให้ใช้ไม้แบนวางบน core หรือใช้ core อีกอันช่วย (โดยกลับด้านให้ขอบ core ด้านทู่ชน
กัน) แล้วตอกด้วยค้อนลงไปในแนวดิ่งจนตัวอย่างดินเลยขอบขึ้นมาเช่นกัน
5. หากดินมีความชื้นที่เหมาะสม ไม่เปียกหรือแห้งเกินไป จะเก็บ core ได้สะดวก แต่หากดิน
แห้งมากเกินไป ควรให้น้ําแก่ดินและทิ้งไว้ เพื่อให้ดินมีความชื้นหรือให้ดินอิ่มตัว
6. ใช้มีดขนาดเล็กตัดแต่งดินที่ล้นออกมาให้เรียบเสมอขอบ ใช้ฝาพลาสติกขอบบางปิด แล้วใช้
เสียมหรือพลั่วค่อยๆ แซะด้านข้างและให้ห่างจาก core พอประมาณ ลงไปจนให้เลยขอบ core ด้านล่างเพื่องัด
ก้อนดินให้แตกออกเป็นก้อนขึ้นมา พยายามไม่ให้ core กระทบกระเทือน แกะดินที่หุ้ม core ออก แล้วใช้มีด
ตัดแต่งดินที่ล้นออกมาให้เรียบเสมอขอบด้านคม ตามปกติตัวอย่างดินจะต้องเต็ม core ถ้าตัวอย่างดินไม่เต็ม
ขาดไม่มากนักให้เก็บดินบริเวณเดียวกันแต่งให้ดินเต็ม core แล้วปิดด้วยฝาพลาสติกด้านหนา หรือเก็บใหม่
7. พัน core ด้วยเทปกาวหรือเทปพันสายไฟให้แน่น เพื่อไม่ให้ฝาพลาสติกหลุดออกมาได้ (การ
ใช้เทปพันสายไฟจะสะดวกเวลาแกะออกและไม่เหนียวติดกับ core)
8. บันทึกข้อมูล ทั้งชื่อชุดดิน ชั้นดิน ช่วงความลึก ลงบนเทปกาวหรือเทปพันสายไฟ
9. เก็บตัวอย่างดินให้ครบทุกชั้นตามที่กําหนด ในแนวเดียวกัน พร้อมทั้งรวบรวม core ที่เก็บ
เสร็จแล้วใส่ถุงพลาสติก ผูกเชือกและนําเก็บไว้ในร่ม ไม่ให้ถูกแดด

