Page 315 - รายงานการจัดการทรัพยากรดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักตามกลุ่มชุดดิน เล่มที่ 1 ดินบนพื้นที่ราบต่ำ
P. 315
301
ดินบนลึกไมเกิน 20 ซม. มีเนื้อดินเปนดินรวนปนทรายหรือรวนปนทรายปนกอนกรวด สีพื้นเปนสี
เขมของสีน้ําตาลปนเทา หรือสีเขมมากของสีน้ําตาลปนเทา ปฏิกิริยาดินเปนกลางถึงกรดจัด(pH 5.5-7.0)
สวนดินลางมีเนื้อดินเปนดินรวนปนทรายปนกอนกรวดมาก สีพื้นเปนสีน้ําตาล สีน้ําตาลเขม หรือสีเขมของ
น้ําตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเปนกรดปานกลางถึงกรดจัด(pH 5.5-6.0) กอนกรวดที่พบจะมีตั้งแตหนาดิน
บนจนถึงชั้นลางๆ ตลอดชั้นหนาตัดดินตั้งแต 0.5-10 ซม. เปนหินพวกควอรตไซต ลักษณะกลมมน มีขนาด
และปริมาณมากขึ้นตามความลึก (30-50 เปอรเซ็นต โดยปริมาตร) และพบแรไมกาตลอดชั้นของดิน
3.3 การประเมินความอุดมสมบูรณของดิน
การประเมินความอุดมสมบูรณของดินแตละชุดไดใชสมบัติทางเคมี 5 อยาง คือ คาความจุในการ
แลกเปลี่ยนแคตไอออน(CEC) เปอรเซ็นตอิ่มตัวดวยเบส(base saturation percentage, %BS) ปริมาณ
อินทรียวัตถุในดิน(OM) ฟอสฟอรัสที่เปนประโยชน(avai.P) และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได(exch.K) ซึ่งได
จากผลของการวิเคราะหดินที่เปนตัวแทนของชุดดินในกลุมชุดดินนี้ โดยพิจารณาเฉพาะผิวดินระดับความ
ลึก 0-30 ซม. สําหรับวิธีประเมินใชวิธีการในคูมือการวินิจฉัยคุณภาพของดินสําหรับประเทศไทย ป 1973
(Soil Interpretation Handbook for Thailand, 1973) พิมพเผยแพรโดยกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งผลของการ
ประเมินสรุปไดดังตารางที่ 37.5
ตารางที่ 37.5 ผลการวิเคราะหดิน และระดับความอุดมสมบูรณของแตละชุดดิน
CEC BS OM Avai.P Exch.K ระดับความ
ชุดดิน pH
cmol /kg (%) (%) (mg/kg) (mg/kg) อุดมสมบูรณ
c
นาคู - 0.80 80.40 0.52 1.40 18.00 ต่ํา
บอไทย - 3.37 55.00 0.76 15.50 34.33 ต่ํา
ทับเสลา - 4.00 29.00 2.24 5.90 87.00 ต่ํา
คามัธยฐาน - 3.37 55.00 0.76 5.90 34.33 ต่ํา
สรุป : จากการประเมินความอุดมสมบูรณของชุดดินบอไทย นาคู และทับเสลา ที่จัดอยูในกลุมชุดดินที่ 37
พบวามีความอุดมสมบูรณต่ําทั้งสิ้น
4. การประเมินความเหมาะสมสําหรับการปลูกพืช
กลุมชุดดินที่ 37 มีศักยภาพคอนขางไมเหมาะสมในการปลูกพืชไร ไมผล ไมยืนตน และพืชผัก
เนื่องจากดินคอนขางเปนทรายจัดและมีความอุดมสมบูรณต่ํา นอกจากนี้ยังไมเหมาะสมในการทํานา
เนื่องจากดินเก็บกักน้ําไมได แตสามารถใชประโยชนในการปลูกไมโตเร็วและพัฒนาเปนทุงหญาเลี้ยงสัตว
อยางไรก็ตามเพื่อใหเกษตรกรมีทางเลือกในการใชที่ดินใหเหมาะสมกับศักยภาพของดิน จึงจัดชั้นความ
เหมาะสมออกเปน 3 อยาง คือ สําหรับการเพาะปลูกในฤดูฝน ฤดูแลง และหลังการพัฒนาที่ดินแลว ดัง
ตารางที่ 37.6

