Page 33 - ผลกระทบจากการเผาตอซังและไม่ไถพรวนต่อสมบัติดินเพื่อ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ Effects of Burning and No-tillage on Soil Properties forMaize Production on Upland in Chiang Mai Province.
P. 33
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
21
2.การชะล้างพังทลายของดิน
การศึกษาการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลกองแขก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
จาก แปลงศึกษาขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 22 เมตร ซึ่งมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่
ละดับความลาดชัน 20 เปอร์เซ็นต์ โดยทำการศึกษาการชะล้างพังทลายของดินจากปริมาณตะกอนดินในถัง
ดักตะกอน ให้ผลการศึกษาดังนี้
2.1 ปริมาณตะกอนดินในถังดักตะกอน
จากการศึกษาการชะล้างพังทลายของดินจากถังดักตะกอนดิน ในพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี 2561 พบว่ามีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.1) โดยตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและ
เผาตอซัง มีปริมาณตะกอนดินสะสมเฉลี่ยสูงสุด 1.91 ตันต่อไร่ต่อปี ตำรับการทดลองที่ 3 ไถพรวนดินและเผา
ตอซัง มีปริมาณตะกอนดินสะสมเฉลี่ย ที่ 1.62 ตันต่อไร่ต่อปี ตำรับการทดลองที่ 2 มีปริมาณตะกอนดินสะสม
เฉลี่ย ที่ 0.84 ตันต่อไร่ต่อปี และตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซัง และปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน
มีปริมาณตะกอนดินสะสมเฉลี่ยน้อยที่สุด 0.12 ตันต่อไร่ต่อปี ดังตารางที่ 9
ตารางที่ 9 ปริมาณตะกอนดินแห้งที่สูญเสียดิน ปี 2561
Annual soil loss
Treatment
(ton/rai/year)
T1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง 1.91 a
T2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง 0.84 ab
T3 ไถพรวนดินและเผาตอซัง 1.62 a
T4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซัง
และปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน 0.12 b
F-test **
C.V. (%) 33.57
3.สมบัติบางประการของดินหลังการทดลอง
เก็บตัวอย่างดินหลังการทดลองปลูกข้าวโพดในที่ 1 และทำการศึกษาสมบัติทางกายภาพของดิน
บางประการ พบว่าความหนาแน่นของดิน (Bulk Density) ในทุกตำรับการทดลองไม่มีความแตกต่างทางสถิติ
โดยตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซังมีความหนาแน่นของดินสูงสุดที่ 1.43 กรัมต่อตาราง
เซนติเมตร ตำรับการทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซังมีความหนาแน่นของดินรองลองมาที่ 1.38 กรัมต่อ
ตารางเซนติเมตร ตำรับการทองที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซัง และตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่
เผาตอซังและปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดินมีความหนาแน่นของดินเท่ากันที่ 1.34 กรัมต่อตารางเซนติเมตร
เมื่อทำการหาปริมาณความชื้นในดิน (Soil Moisture Content) พบว่าปริมาณความชื้นในดินใน
ทุกตำรับการทดลองไม่มีความแตกต่างทางสถิติ โดยปริมาณความชื้นในดิน มีค่าสูงสุดที่ 22.51 เปอร์เซ็นต์โดย
น้ำหนัก และมีค่าต่ำสุดที่ 19.65 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก