Page 34 - ผลกระทบจากการเผาตอซังและไม่ไถพรวนต่อสมบัติดินเพื่อ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ Effects of Burning and No-tillage on Soil Properties forMaize Production on Upland in Chiang Mai Province.
P. 34

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                           22

                            เมื่อหาความแตกต่างทางสถิติของค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดิน (Hydraulic conductivity Of

                   saturated soil) พบว่าค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินมีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.1)
                   โดยตำรับการทดลองที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซังมีค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินสูงสุดที่ 40.60

                   เซนติเมตรต่อชั่วโมง ตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซังและปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน ตำรับการ

                   ทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง มีค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินที่ 32.07 และ 27.14 เซนติเมตรต่อ
                   ชั่วโมง ตามลำดับ และตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง มีค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินต่ำสุด

                   ที่ 9.25 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ดังตารางที่ 10

                   ตารางที่ 10 สมบัติทางกายภาพบางประการของดินหลังการทดลอง ปี 2561

                         Treatment           Bulk Density    Soil Moisture Content     Hydraulic conductivity
                                               (g/cm3)            (% by wt)           of saturated soil (cm/hr)

                    T1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง          1.43                19.65                        9.25  c
                    T2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง          1.38                21.22                       27.14  b
                    T3 ไถพรวนดินและเผาตอซัง          1.34                19.70                       40.60  a
                    T4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซัง

                    และปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน         1.34                22.51                       32.07  ab
                            F-test                       ns                     ns                           **
                             cv                          7.10                10.73                       13.16

                            เก็บตัวอย่างดินหลังการทดลองปีที่ 1 (พ.ศ.2561) ที่ระดับความลึก 15 เซนติเมตร และวิเคราะห์

                   สมบัติทางเคมีของดินบางประการ พบว่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) ในทุกตำรับการทดลองมีความ

                   แตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.5) โดยตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซังและปลูกถั่ว
                   ปิ่นโตคลุมดินมีความเป็นกรด-ด่างของดินน้อยสุดที่ 5.6 ตำรับการทดลองที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซังมีค่า

                   ความเป็นกรด-ด่างของดินที่ 6.0 และพบว่าตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง และตำรับการ

                   ทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง มีค่าความเป็นกรด-ด่างของดินเท่ากันที่ 6.1 ดังตารางที่ 11

                            ปริมาณอินทรียวัตถุ (Organic Matter : OM) ในดินหลังการทดลอง พบว่าปริมาณอินทรียวัตถุใน

                   ดินมีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.1) โดยตำรับการทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซังมี
                   ปริมาณอินทรียวัตถุสูงสุดที่ 2.49 เปอร์เซ็นต์ ตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง ตำรับการทดลอง

                   ที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซังมีปริมาณอินทรียวัตถุที่ 1.98 และ 1.96 เปอร์เซ็นต์ และตำรับการทดลองที่ 4

                   ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซังและปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน มีปริมาณอินทรียวัตถุต่ำสุดที่ 1.67 เปอร์เซ็นต์

                            ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด (Total Nitrogen : Total N) ในดินหลังการทดลอง พบว่าปริมาณ

                   ไนโตรเจนทั้งหมดในดินมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.5) โดยตำรับการทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับ
                   กลบตอซังมีปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดในดินสูงสุดที่ 0.12 เปอร์เซ็นต์ ตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผา

                   ตอซัง ตำรับการทดลองที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซัง และตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดินไม่เผาตอซัง
                   และปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดินมีปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดในดินเท่ากันที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39