Page 12 - รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564 กรมพัฒนาที่ดิน
P. 12
9
ผลงานเรื่องที่ 1 : โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning by Agri-Map)
เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีขีดสมรรถนะสูง ทันสมัย
รูปแบบ/ลักษณะ/Concept ของผลงาน
ปัจจุบันเกษตรกรไทยประสบปัญหาความยากจน สาเหตุหนึ่งเกิดจากเกษตรกรมีข้อมูลไม่เพียงพอในการ
วางแผนการผลิตสินค้าเกษตร ทำให้ได้ผลผลิตต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง ส่งผลให้มีรายได้ไม่พอเพียงกับการยังชีพ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมาย พด. เป็นเจ้าภาพหลัก
รวบรวมและเชื่อมโยงฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ 69 ชั้นข้อมูล จาก 19
หน่วยงาน จัดทำแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก
(Agricultural Map for Adaptive Management : Agri-Map)
และร่วมกับ NECTEC พัฒนาระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหาร
จัดการเชิงรุกออนไลน์และบนสมาร์ทโฟน (Agri-Map
Online/Mobile) ให้บริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและ
แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ แผนที่ Agri-Map แสดงพื้นที่
ไม่เหมาะสมกับการปลูกพืชเศรษฐกิจ (N) จำนวน 14.52 ล้านไร่
ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ต้นทุน
การผลิตสูง จึงเกิดนวัตกรรมเชิงนโยบาย การปรับเปลี่ยนการ
ผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่ไม่เหมาะสม โดยรัฐสนับสนุน จูงใจ
ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตเน้นพื้นที่ N ข้าว โดย เสนอ
ทางเลือกให้เกษตรกรสามารถเลือกปรับเปลี่ยนการผลิตได้ตาม
ความต้องการ ได้แก่ ปลูกชนิดพืชอื่นที่เหมาะสม เกษตรผสมผสาน ปศุสัตว์ ประมง หรือปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็น
ต้น ซึ่งเป็นการบูรณาการแผนงานที่ครอบคลุมสาขาอาชีพของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนมีการพัฒนา
ทักษะของเจ้าหน้าที่ในการใช้แผนที่ Agr-Map และเทคโนโลยีดิจิทัลในการปฏิบัติงาน เช่น Agri-Map online,
LDD Zoning มีผลงานปี 2559 - 2563 เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม จำนวน 119,364 ราย
พื้นที่ 732,851 ไร่
โครงการดังกล่าวเป็นโครงการตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ ซึ่งมีหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนา
ที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมหม่อนไหม ร่วมจัดทำ
แผนบูรณาการร่วมกันโดยใช้ข้อมูล Agri-map ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรายย่อย นอกจากนั้นหน่วยงานอื่นที่
เกี่ยวข้องกับการตลาดการแปรรูป การขนส่ง สามารถใช้ข้อมูล Agri-map ในการบริหารจัดการได้ ส่งผลให้
เกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นสินค้าใหม่ในทุกสินค้า มีผลตอบแทนสุทธิมากกว่าปลูกข้าว โดยการปลูกข้าว
ให้ผลตอบแทนสุทธิ 1,292 บาท/ไร่/ปี การปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรผสมผสาน หม่อนไหม ประมง และหญ้าเลี้ยง
สัตว์ ให้ผลตอบแทนสุทธิ 5,096, 4,869, 4,637 และ 3,655 บาท/ไร่/ปี ตามลำดับ
คุณค่าต่อประชาชน/ส่วนราชการ/ประเทศ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการร้อยละ 98 ปรับเปลี่ยนการ
ผลิตชนิดสินค้าที่เหมาะสมกับพื้นที่ตนเอง การปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นสินค้าใหม่ในทุกสินค้า ให้ผลตอบแทน
สุทธิมากกว่าปลูกข้าว การปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรผสมผสานให้ผลตอบแทนสุทธิสูงที่สุด และเกษตรกรมีความ
พึงพอใจต่อโครงการระดับมากที่สุด เกษตรกรร้อยละ 92 มีแนวโน้มที่จะทำการผลิตในพื้นที่ปรับเปลี่ยนต่อไป