Page 99 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 99
94
10.3.1. สภาพแหลงตนน้ําลําธารถูกทําลาย การบุกรุกทําลายแหลงน้ํา สงผลให พื้นที่ตนน้ําลําธาร
อันเปนแหลงกําเนิดน้ํา ไมสามารถดูดซับหรือชะลอน้ําไวในดิน เมื่อเกิดฝนตกหนักจึงทําใหมีน้ําไหลบาลงมา
ทวมพื้นที่ตอนลางอยางรวดเร็วและรุนแรง
10.3.2. สภาพน้ําทา เนื่องจากปริมาณน้ําฝนที่ตกชุก ในทุกๆ ภาคของประเทศมีปริมาณนอยกวา
เกณฑเฉลี่ย โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโนมลดลง สงผลให
ปริมาณน้ําทามีปริมาณลดลงไปดวย
10.3.3. การใชน้ําและความตองการน้ําเพิ่มขึ้นในทุกลุมน้ํา กิจกรรมตางๆ ทั้งทาง อุตสาหกรรม
เกษตรกรรม อุปโภคและบริโภค การทองเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาดานสังคมและวัฒนธรรมลวนเปน
กิจกรรมที่กอใหเกิดความตองการใชน้ําเพิ่มมากขึ้น
10.3.4. การบุกรุกทําลายพื้นที่ชุมน้ําตางๆ การขยายตัวของบานจัดสรรโรงงาน อุตสาหกรรม การ
พัฒนาการคมนาคมขนสง โดยขาดการวางแผนกอใหเกิดการบุกรุกทําลายพื้นที่ชุมน้ําหรืออาจทําใหมีการ
ปนเปอนของสารพิษลงสูแหลงน้ํา
10.4. มลพิษทางน้ํา
มลพิษทางน้ํา หรือ น้ําเสีย (Water pollution) หมายถึง น้ําที่มีสิ่งเจือปนอยูมากเกินขีดจํากัด หรือมี
คุณสมบัติเปลี่ยนไปจากธรรมชาติ ทําใหเกิดความเสียหายตอการใชประโยชน ทั้งการอุปโภคและบริโภค จน
ทําใหมนุษย สัตว พืช ไดรับอันตรายทั้งทางตรงและทางออม
10.5. การอนุรักษน้ํา (Water conservation)
การอนุรักษน้ํา (Water conservation) หมายถึง การกักเก็บน้ําที่ไหลบาบนผิวดิน โดยใหมีการ
สูญเสียน้ําโดยไมเกิดประโยชนนอยสุดหรือลดความตองการน้ํา แนวทางการอนุรักษน้ํา ควรประกอบไป
ดวยหลักการดังนี้
10.5.1. ลดความตองการน้ํา
10.5.2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช ลดการสูญหาย และการเสียน้ําโดยไมเกิดประโยชน
10.5.3. การปรับปรุงระบบปฏิบัติการจัดการที่ดินเพื่อการอนุรักษน้ํา
10.6. หลักการอนุรักษทรัพยากรน้ํา
หลักการอนุรักษทรัพยากรน้ํา โดยทั่วไป มีดังนี้
10.6.1. การปลูกปา โดยเฉพาะการปลูกปาบริเวณพื้นที่ตนน้ํา หรือบริเวณพื้นที่ภูเขา เพื่อให
ตนไมเปนตัวกักเก็บน้ําตามธรรมชาติ ทั้งบนดินและใตดิน แลวปลดปลอยออกมาอยางตอเนื่องตลอดป
รวมทั้งยังสามารถปองกันปญหาอื่นๆได เชน ปญหาการพังทลายของดิน ปญหาการขาดแคลนน้ํา และการ
เกิดน้ําทวม