Page 7 - องค์ความรู้สู่ปีดินสากล 2558
P. 7
ภาพที่ 4 สันทรายลอมปดจนเกิดเปนแอง ภาพที่ 5 แองที่ลุมพัฒนาเปนพื้นที่พรุ
น้ําในแองเริ่มกลายเปนน้ํากรอยทําใหพืชที่สามารถทนเค็มสามารถเจริญเติบโตได ดังแสดงในภาพที่ 5
เมื่อเวลาผานไปมีน้ําจากแหลงอื่น เชน น้ําฝนสะสมในแองทําใหน้ํากรอยกลายเปนน้ําจืดในที่สุด สงผลให
พืชที่เจริญเติบโตในน้ําเค็มไมสามารถดํารงชีวิตตอไปได
ทําใหพืชตายเกิดการทับถมกันจํานวนมากจึงกอใหเกิด
ชั้นดินอินทรียหนาขึ้นมากกวา 1 เมตร ทับถมบนดิน
ตะกอนทะเลในที่สุดก็มีไมพุมเจริญเติบโตขึ้น ดังแสดง
ในภาพที่ 6 และมีวิวัฒนาการทําใหมีไมใหญ
ขึ้นหนาแนนเปนปาพรุที่อุดมสมบูรณ แตยังมีน้ําทวม
ขัง โดยดินชั้นลางเปนชั้นดินตะกอนทะเลสีเทาและทับ
ถมดวยชั้นดินอินทรียที่มีความหนาขึ้นเรื่อยๆ ดังแสดง
ในภาพที่ 7 สภาพเดิมของปาพรุบาเจาะเปน
หาดทรายและสภาพพื้นที่เดิมของปาพรุโตะแดง
ภาพที่ 6 บึงน้ําจืด มีการสะสมของ
ซากพืชเปนชั้นอินทรีย เปนปาชายเลนจึงทําใหความรุนแรงของชั้นดินตะกอน
ทะเลแตกตางกัน ในปจจุบันศูนยศึกษาการพัฒนา
พิกุลทองฯ ไดจัดใหพื้นที่เหลานี้เปนปาสงวนทําใหปาพรุโตะแดงยังมีความอุดมสมบูรณ แตปาพรุบาเจาะไดมี
การตัดไมทําลายปา มีปาเสม็ดขึ้นมาแทนที่ ทําใหไมมีน้ําทวมขังทั้งป จึงเกิดไฟไหมในชวงฤดูแลงและเปน
ปญหาสําคัญของปาพรุ ดังแสดงในภาพที่ 8
ภาพที่ 7 เกิดชั้นดินอินทรียมีตนไมใหญขึ้นหนาแนน ภาพที่ 8 สภาพพื้นที่พรุในปจจุบัน
4 องคความรูสูปดินสากล 2558