Page 6 - องค์ความรู้สู่ปีดินสากล 2558
P. 6
พื้นที่ในจังหวัดนราธิวาส เปนพื้นที่ลุมต่ํา มีน้ํา
ทวมขังตลอดทั้งป ดังแสดงในภาพที่ 1 มีการทับถม
ของซากพืชมาเปนเวลานับพันปและมีการสลายตัวเปน
อินทรียวัตถุในดินทําใหดินในบริเวณนี้มีอินทรียวัตถุ
ในดินมากกวา ๘๐% ถึง ๙๐% มีระบบนิเวศที่ซับซอน
มีธารน้ําที่ไหลชาๆ มีการสลายตัวของอินทรียวัตถุใน
ดิน ทําใหน้ําในพรุมีสีดํา
พรุเปนพื้นที่เสี่ยงตอการถูกทําลายและ
เสื่อมโทรมไดงาย ดังแสดงในภาพที่ 2 เพราะถาน้ําใน
พรุไมมีการไหล น้ําจะขังทําใหน้ําเนาและตนไมในพื้นที่
จะตาย ถาน้ําในพรุแหงตนไมในบริเวณนั้นก็จะตาย
เพราะระบบนิเวศในพรุเปลี่ยนไป ลักษณะของตนไมใน
พรุจะคลายคลึงกับตนไมในพื้นที่ปาชายเลน คือ มี
ระบบรากค้ํายัน ระบบรากหายใจ เนื่องจากดินมีน้ําขัง
ดังนั้นเมื่อน้ําแหงก็จะทําใหระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ไดทําการ ภาพที่ 2 พื้นที่ดิน
ศึกษามูลคาของปาพรุจากการใชประโยชนของชาวบานพบวามีมูลคานับพันลานบาท เนื่องจากปาพรุ
มีความอุดมสมบูรณ แตเมื่อมีการทําลายปาพรุพื้นที่บริเวณนั้นก็จะมีปาเสม็ดขึ้นมาแทนทําใหระบบนิเวศ
เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงจําเปนที่จะตองอนุรักษปาพรุไว
การเกิดพรุ
พื้นที่การเกิดพรุแตเดิมนั้นเปนพื้นที่ชายทะเล
ทั่วไป เมื่อชายฝงทะเลของภาคใตฝงตะวันออกเกิด
การเปลี่ยนแปลงของลักษณะภูมิประเทศเกิดการยกตัว
ของแผนดินขึ้นทําใหเกิดสภาพดินเปนลอนคลื่น
ดังแสดงในภาพที่ 3 มีการลาดเอียงไปทางทิศตะวันตก
ประกอบกับน้ําทะเลมีการขึ้นลงตลอดเวลาทําใหเกิด
สันทรายและเมื่อน้ําทะเลลดลงสันทรายจะลอมปด
ดังแสดงในภาพที่ 4 ทําใหเกิดเปนแอง สงผลใหน้ํา
หยุดนิ่งแลวเกิดการสะสมของดินเหนียวตะกอนทะเล
ทําใหพื้นที่บริเวณนั้นตื้นขึ้น จนแองที่ลุมพัฒนา
ภาพที่ 3 สภาพพื้นที่ลอนคลื่นและลาดเอียง
เปนพื้นที่พรุ
การพัฒนาพื้นที่พรุตามแนวพระราชดําริกรณีศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดบานยูโย 3