Page 67 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 67
- 60 -
ภาพที่ 4-29 ขั้นตอนการแยกระหว่างสีพื้นและสีจุดประที่เกิดจากอิทธิพลการขังน้ําของดิน
สีของดินจะเห็นได้ชัดและแยกออกได้ง่าย โดยปกติสีของดินโดยตัวของมันเองแล้วมีความสําคัญ
เกี่ยวกับดินโดยตรงเป็นส่วนน้อย แต่ว่าสีก็เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นสภาพต่างๆ ของดินได้เป็นอย่างดี ในระบบการ
จําแนกดินระบบประจําชาติ ซึ่งเป็นระบบที่มีพื้นฐานมาจากระบบการจําแนกดินของกระทรวงเกษตร
สหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 1938 (USDA 1938) ก็ได้ใช้สีดินมาช่วยในการจําแนก เช่น Brown Forest soils,
Humic Gley soils, Red Yellow Podzolic soils, Red Yellow Latosols, Reddish Brown Latosols เป็น
ต้น
สีของดินเป็นสมบัติที่สามารถเห็นได้ชัดกว่าสมบัติอื่นๆ ดินชนิดต่างๆ โดยปกติมีสีหรือรูปแบบ
(pattern) ของการเปลี่ยนสีภายในหน้าตัดดินที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับของดินชนิดอื่นๆ ดังนั้น สี
ของดินจึงเป็นสมบัติที่เป็นประโยชน์ในการช่วยจําแนกดินออกเป็นชนิดต่างๆ (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา,
2541) เนื่องจากสีของดินบอกให้ทราบถึงสมบัติบางประการของดิน เช่นปริมาณอินทรียวัตถุ ความจุแลกเปลี่ยน
แคตไอออน ปริมาณด่างที่แลกเปลี่ยนได้ ความชื้นและอุณหภูมิของดิน
ในดินที่มีอายุน้อย สีของดินส่วนใหญ่จะเป็นสีที่มาจากวัตถุต้นกําเนิดดิน (Jenny, 1941) สีพื้นของ
ดินที่เป็นสีเทาหรือสีผสมของสีเทากับสีอื่นๆ แสดงว่าดินมีพัฒนาการอยู่ในสภาพที่มีการขังน้ําเป็นระยะ
เวลานานพอที่จะทําให้เกิดปฏิกิริยารีดักชัน และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนรูปจากเฟอร์ริกไอออนไปเป็นเฟอร์รัส
ไอออน (ทัศนีย์, 2531) การพบจุดประที่มีโครมาสูง ร่วมกับมวลสารพอก และสารก้อนกลมของเหล็กและ
แมงกานีสออกไซด์ แสดงให้เห็นว่าดินมีสภาพการระบายน้ําที่เลว การระบายอากาศไม่สม่ําเสมอกันทั่วทั้งหน้า
ตัดดิน และอยู่ในวัฎจักรออกซิเดชัน-รีดักชัน (Buol และคณะ, 1997) สีดินที่เป็นสีเทา หรือเทาค่อนไปทางเขียว
แสดงถึงสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับทะเลมาก่อน นอกจากนี้การพบจุดประสีเหลืองฟางข้าว (สี 2.5Y 8/4)
ของสารประกอบกํามะถันหรือที่เรียกว่าจาโรไซต์ (jarosite: KFe3(SO4)2(OH)6) แสดงให้เห็นถึงบริเวณดังกล่าว
มีความสัมพันธ์กับทะเลหรือเคยเป็นทะเลมาก่อน (Pons and van Breemen, 1982)

