Page 64 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 64
- 57 -
ก. การศึกษาชั้นดิน
ชั้นของดินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางดินต่างๆ ที่ทําให้ดินมีลักษณะเด่นแตกต่างกัน
ออกไป มีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามวัตถุต้นกําเนิดดินและอิทธิพลของกระบวนการสร้างตัวของดิน ซึ่งมี
รายละเอียดตามหัวข้อ 4.3 การแจกแจงชั้นกําเนิดของดิน
ข. การศึกษาความลึกของชั้นดินจากผิวหน้าดิน
ความลึกของชั้นดินจากผิวหน้าดิน หมายถึง ความหนาของชั้นดินตั้งแต่ผิวดินบนลงไปจนถึงความ
ลึก 2 เมตร ซึ่งสามารถแบ่งดินออกเป็นชั้นๆ ตามความหนาบางในแต่ละชั้นดินตามชั้นกําเนิดดิน (genetic
horizon) ซึ่งความหนาบางในแต่ละชั้นดินจะมีผลต่อกระบวนการสร้างตัวของดิน พัฒนาการของดินและการ
จําแนกดิน สําหรับประเทศไทย ความลึกของชั้นดินจากผิวหน้าดินใช้หน่วยเป็น เซนติเมตร (ซม.)
ชั้นดินในแต่ละชั้นจะเป็นชั้นที่วางตัวขนานกับผิวดิน คุณสมบัติของแต่ละชั้นดินเกิดขึ้นจาก
กระบวนการสร้างตัวของดิน ลักษณะที่สามารถมองเห็นหรือวัดได้จากในภาคสนามเพื่อดูความเหมือนหรือ
แตกต่างของแต่ละชั้น ได้แก่ สีดิน เนื้อดิน โครงสร้างของดิน การยึดตัวของดิน สิ่งปะปนในดิน รวมไปถึงผลการ
วิเคราะห์ดินที่ได้จากห้องปฏิบัติการก็เป็นสิ่งช่วยสนับสนุนการแยกความแตกต่างในแต่ละชั้นได้เป็นอย่างดี
(Soil Survey Staff, 1999) ดินที่เกิดในสภาพภูมิประเทศเกือบราบถึงราบเรียบ มักมีชั้นที่เป็นดินหนากว่าดินที่
เกิดในพื้นที่ซึ่งมีความลาดชันมากกว่า (Sanchez, 1976) ความหนาของชั้นดินอาจนําไปใช้พิจารณาถึง
พัฒนาการของดินได้ จากการศึกษาของ นงคราญ (2529) พบว่า ดินที่มีพัฒนาการของดินน้อยมากหรือ
ค่อนข้างน้อยจะมีค่าความหนาของชั้นดิน B น้อยที่สุด และความหนาของชั้นดิน B จะมีค่าเพิ่มขึ้น เมื่อดินมี
พัฒนาการเพิ่มขึ้น
ค. การศึกษาสีดิน (Soil Color)
สีของดินจะเห็นได้ชัดและแยกออกได้ง่าย โดยปกติสีของดินโดยตัวของมันเองแล้วมีความสําคัญ
เกี่ยวกับดินโดยตรงเป็นส่วนน้อย แต่ว่าสีก็เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นสภาพต่างๆ ของดินได้เป็นอย่างดี
สีดินที่ทดสอบควรอยู่ในสภาวะดินชื้น นอกจากจะต้องการวัดสีดินแห้งเพื่อจุดประสงค์บางประการ
หากดินนั้นยังแห้งอยู่ หยิบดินมาก้อนหนึ่งใส่น้ําให้เปียกพอประมาณ อาจจะใช้น้ําหยดลงไปหรือการสเปรย์น้ํา
ให้เป็นฝอย รอจนน้ําระเหยไปเหลือแต่แผ่นฟิล์มบางๆ รอจนฟิล์มนั้นหายไป แล้วค่อยวัด โดยเปรียบเทียบกับสี
ในสมุดเทียบสีมันเซลล์ (Munsell soil Color Chart) และเขียนเป็นรหัสคือ Hue (สีสัน) ค่าสี (value)/ค่ารงค์
(chroma) ให้เปรียบเทียบกับทั้งแผ่นสี ซึ่งเป็นค่าของ Hue ก่อน แล้วจึงอ่านค่า value และค่า chroma (ภาพ
ที่ 4-28) สีดินที่วัดแบ่งออกเป็นสองลักษณะ คือ
1) สีพื้น (matrix color) ซึ่งเป็นสีที่มีปริมาณมากและต่อเนื่องกัน บางทีสีพื้นอาจจะเป็นสีผสม
(mixed) ได้ ถ้าหากว่ามีมากกว่าหนึ่งสีขึ้นไป และไม่ใช่สีของจุดประ
2) จุดประ (mottles) เป็นสีที่เกิดจากอิทธิพลการขังน้ําของดินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต้องมีการรายงาน
แตกต่างกันไป
1. การวัดสีพื้น
- สีพื้นธรรมดา รายงาน Hue value/chroma เช่น 10YR 3/2
- สีพื้นผสม รายงาน Hue ผสมvalue/chroma (ของสีที่มีมากกว่าหรือชัดเจนกว่า) และ
Hue value/chroma (ของสีที่มีน้อยกว่าหรือชัดเจนน้อยกว่า) ในกรณีสีผสม อาจจะประมาณร้อยละของการ
ผสมกันลงไปด้วย เช่น สีผสม 5YR 4/4 60% 7.5 YR 2/2 40% เป็นต้น

