Page 11 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 11
- 4 -
มักจะมีชั้นดินบนที่หนา เนื่องจากเป็นแหล่งทับถมของตะกอนเนื้อดินละเอียด ส่วนบริเวณพื้นที่ดอน ดินมีสภาพ
การระบายน้ําดีปานกลางถึงดี การพัฒนาของชั้นดินมีความชัดเจนและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ดินที่เกิดในที่ที่มี
ความลาดชันสูง มักจะเป็นดินตื้น มีชั้นดินน้อย มีการชะล้างหน้าดินมาก ชั้นดินบนจะบางหรืออาจจะไม่มีชั้นดิน
บนเลยก็ได้
วัตถุต้นกําเนิดดิน วัตถุต้นกําเนิดดินในที่นี้หมายถึง วัตถุซึ่งเกิดจากการผุพังสลายตัวของหิน แร่
และเศษซากพืชและสัตว์ ซึ่งอาจเป็นวัสดุที่เกิดจากการแปรสภาพอยู่กับที่ ณ บริเวณนั้นๆ หรือเป็นพวกตะกอน
ต่างๆ ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจากแหล่งอื่นโดยวัสดุนําพา เช่น น้ํา ลม หรือธารน้ําแข็ง แล้วมาทับถมอยู่ในบริเวณใด
บริเวณหนึ่ง องค์ประกอบของวัสดุเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลต่อลักษณะและสมบัติต่างๆ ของดินที่
เกิดขึ้น วัตถุต้นกําเนิดดินเป็นปัจจัยควบคุมการเกิดดินที่สําคัญและมองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนที่สุด และมี
อิทธิพลต่อองค์ประกอบของดิน เช่น สี เนื้อดิน โครงสร้าง และสมบัติทางเคมีของดิน โดยทั่วไปดินที่เกิดจาก
วัตถุต้นกําเนิดที่สลายตัวมาจากหินพวกที่มีปฏิกิริยาเป็นด่าง (basic rock) มักจะเป็นดินเนื้อละเอียด อาจมีสีดํา
น้ําตาล เหลือง หรือแดง มีความอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่ระดับต่ําถึงสูง ส่วนดินที่เกิดจากหินพวกหินทรายหรือ
หินแกรนิต ที่มีแร่องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นพวกควอตซ์ จะมีปฏิกิริยาเป็นกรด (acid rock) มักจะให้ดินเนื้อ
หยาบ สีจาง มีธาตุอาหารพืชน้อย ความอุดมสมบูรณ์และความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกต่ํา เป็นต้น
นวลศรี (2545) รายงานว่า วัตถุต้นกําเนิดของดินและระยะในการสลายตัว (weathering stage) ของวัตถุต้น
กําเนิดดิน เป็นปัจจัยสําคัญที่สุดที่ทําให้เกิดความแตกต่างของระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินในประเทศไทย
ระยะเวลาหรือพัฒนาการของดิน บทบาทของเวลาที่เกี่ยวข้องกับการเกิดดินมีทั้งระยะเวลาที่
แท้จริงที่ดินเริ่มพัฒนาจากวัตถุต้นกําเนิดดินซึ่งเป็นอายุจริงของดินและระยะเวลาสัมพัทธ์ซึ่งหมายถึงระดับการ
พัฒนาของดิน สําหรับอิทธิพลของเวลาในแง่ของการเกิดดินนั้น หมายถึง ช่วงหนึ่งของเวลาที่ต่อเนื่องกันไปโดย
ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงขัดจังหวะการพัฒนาตัวของดิน เวลาที่เป็นศูนย์สําหรับดินชนิดหนึ่งๆ คือ จุดที่ได้มี
เหตุการณ์ที่รุนแรงอย่างหนึ่งทางดินเกิดขึ้น ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของเวลาในการสร้างตัวของดินและจะเป็น
จุดเริ่มต้นของช่วงเวลาในการสร้างตัวของดินช่วงต่อไป เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวอาจหมายถึง การเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิประเทศ ระดับน้ําใต้ดิน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในทันทีทันใดหรือการเปลี่ยนแปลงของวัตถุต้น
กําเนิดดิน เช่น มีการทับถมอย่างรุนแรงของตะกอนใหม่ เป็นต้น เราสามารถใช้ลักษณะและสมบัติบางประการ
ในการเปรียบเทียบอายุของดินได้ เช่น ความลึกของดิน ความหนาของชั้นดิน สีของดิน เป็นต้น ชั้นดินที่มีการ
สะสมอินทรียวัตถุหนากว่าแสดงว่ามีระยะเวลาในการพัฒนามากกว่าแม้ว่าจะเริ่มพัฒนาพร้อมกันก็ตาม ดินลึกมี
ระยะเวลาการพัฒนามากกว่าดินตื้น หรือดินสีแดงผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงมานานกว่าดินสีดําหรือสี
น้ําตาล และถือเป็นดินที่มีอายุมาก และดินที่ผ่านกระบวนการเกิดดินที่รุนแรงกว่าจะถือว่ามีอายุมากกว่า
การสํารวจดิน คือ การศึกษาหาข้อมูล หรือข้อสนเทศทางด้านวิทยาศาสตร์ของดินในบริเวณพื้นที่ใด
พื้นที่หนึ่ง เพื่อทราบถึงสภาพและลักษณะของดิน จําแนก ตลอดจนตรวจหาขอบเขตของดิน ทําแผนที่ แสดง
การแพร่กระจายของดิน แปลความหมาย เพื่อจุดประสงค์อันเป็นประโยชน์ตามต้องการและทํารายงานการ
สํารวจดิน งานสํารวจดิน ประกอบด้วย 4 งาน ได้แก่ งานสํารวจดินในสนามและการเก็บตัวอย่างดิน งาน
วิเคราะห์ดินในห้องปฏิบัติการ งานจัดทําแผนที่ และงานเขียนรายงาน การสํารวจดินแยกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
การสํารวจดินพื้นฐาน (general purpose soil survey) เป็นการสํารวจที่รวบรวมข้อมูล
พื้นฐานต่างๆ เกี่ยวกับดินไว้ เป็นการสํารวจดินโดยทั่วไปซึ่งสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในแง่ต่างๆ ได้อย่าง
กว้างขวาง สามารถทําการวินิจฉัยคุณภาพของดินที่แสดงไว้บนแผนที่ดิน เพื่อใช้ในกิจกรรมด้านการเกษตร ด้าน
วิศวกรรม ด้านการพัฒนาแหล่งน้ํา เป็นต้น และยังสามารถใช้เป็นฐานในการถ่ายทอดเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี
เช่น โครงการสํารวจดินระดับจังหวัด อําเภอ โครงการสํารวจและจําแนกดินบนพื้นที่สูง เป็นต้น

