Page 58 - ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน : กรณีศึกษาการปลูกข้าวโพดหวาน บ้านท่าพยอม ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี
P. 58

46


                                              (4)  ช่วยลดความเป็นพิษของเหล็ก และแมงกานีสในดิน เนื่องจากธาตุ
                  อาหารดังกล่าวนี้จะละลายออกมามากในดินสภาพดินกรด หรือดินเปรี้ยวซึ่งท าให้อาหารพืชถูกตรึงไว้ในดิน

                                              (5) ช่วยลดความเป็นพิษของดินเค็ม โดยตอซังช่วยให้การอุ้มน้ าในดิน ท าให้
                  ดินมีความชุ่มชื้นส่งผลให้เกลือใต้ดินไม่สามารถขึ้นมาได้
                                        2.3) เพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน
                                              (1) อินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหารและแหล่งพลังงานของจุลินทรีย์ในดิน มีผล

                  ท าให้ปริมาณและกิจกรรมของจุลินทรีย์เพิ่มขึ้น และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์และสัตว์เล็กๆ ในดิน
                  ด้วย
                                              (2)  การเพิ่มปริมาณหรือจ านวนของจุลินทรีย์ในดินมีผลช่วยลดปริมาณเชื้อ
                  สาเหตุโรคพืชบางชนิดในดินลดน้อยลง

                                3) ชนิดและปริมาณของวัสดุตอซัง
                                        3.1) วัสดุตอซังและฟางข้าวมีปริมาณมากถึง 26.9 ล้านตันต่อปี
                                        3.2) วัสดุตอซังข้าวโพดมีปริมาณ 7.8 ล้านตันต่อปี
                                        3.3) วัสดุตอซังและเศษใบอ้อยมีปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี

                                        3.4) วัสดุพืชไร่ชนิดอื่นมีปริมาณ 2.4 ล้านตันต่อปี ได้แก่ วัสดุเศษพืชตระกูลถั่ว
                  และข้าวฟ่าง เป็นต้น
                                4) การไถกลบตอซังข้าว

                                        4.1 พื้นที่เขตชลประทาน ในเขตพื้นที่ชลประทานซึ่งสามารถปลูกข้าวได้ต่อเนื่อง
                  2-3 ครั้งต่อปี หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวแล้วไม่ต้องเผาตอซัง และฟางข้าวให้ปฏิบัติดังนี้
                                              (1) ผสมน้ าหมักชีวภาพ จ านวน 5 ลิตรต่อไร่ กับน้ า 100 ลิตร
                                              (2)  เทสารละลายน้ าหมักชีวภาพไหลไปตามน้ าขณะที่เปิดน้ าเข้านาจนทั่ว
                  แปลงหรือใช้รถบรรทุกสารละลายน้ าหมักชีวภาพสาดให้ทั่วแปลงนา ขณะเดียวกันใช้รถตีฟางย่ าให้จมลงดิน

                                              (3) ปล่อยให้ย่อยสลาย 10-15 วัน
                                              (4)  หลังจากนั้นจึงท าเทือกเพื่อเตรียมหว่านหรือปักด าข้าวครั้งใหม่ต่อไป
                  หรือสามารถปลูกพืชไร่เศรษฐกิจชนิดอื่นได้ เช่น พืชตระกูลถั่วและข้าวโพด เป็นต้น

                                        4.2 พื้นที่เขตเกษตรน้ าฝน ในกรณีที่ปลูกข้าวเพียงอย่างเดียวตลอดฤดูเพาะปลูก
                  โดยอาศัยน้ าฝนหลังจากเก็บเกี่ยวข้าว ให้ทิ้งฟางข้าวและตอซังไว้ในพื้นที่ เพื่อเป็นการคลุมผิวหน้าดิน เมื่อ
                  เข้าสู่ต้นฤดูฝนช่วงปลายเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคมให้ปฏิบัติดังนี้
                                              (1) ผสมน้ าหมักชีวภาพจ านวน 5 ลิตรต่อไรกับน้ า 100 ลิตร

                                              (2) ใส่สารละลายน้ าหมักชีวภาพลงในถังที่ติดกับรถปั่นฟางแล้วหยอดไป
                  พร้อมกับการปั่นฟางหรือสาดให้ทั่วสม่ าเสมอ แล้วใช้รถไถย่ าฟางให้จมดินหมักทิ้งไว้ 10-15 วัน
                                              (3) หลังจากหมักฟาง 10-15 วัน จึงท าเทือกเตรียมแปลงพร้อมที่จะปลูก
                  ข้าวต่อไป

                                5) การไถกลบวัสดุในพื้นที่ปลูกพืชไร่
                                การไถกลบวัสดุในพื้นที่ดอน ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกพืชไร่หลายชนิดและในบางพื้นที่มี
                  การปลูกข้าวไร่ด้วยนั้น เกษตรกรสามารถท าการไถกลบวัสดุเหลือทิ้งหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ลงในดิน
                  ระหว่างการเตรียมแปลงปลูกพืชใหม่ต่อไปได้ ซึ่งถ้าเป็นการไถกลบวัสดุจากฟางข้าวหรือตอซังข้าวไร่ควรจะ

                  ใช้ระยะเวลาไถกลบประมาณ 1 เดือน แต่ถ้าเป็นวัสดุจ าพวกตอซังข้าวโพดและข้าวฟ่าง ท าการฉีดพ่นน้ า
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63