Page 351 - รายงานการจัดการทรัพยากรดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักตามกลุ่มชุดดิน เล่มที่ 1 ดินบนพื้นที่ราบต่ำ
P. 351
337
t = อุณหภูมิในชวงที่ปลูกไมเหมาะสม
m = ความชื้นในดินในชวงที่ปลูกไมเหมาะสม
o = ความสามารถในการระบายน้ําในชวงที่ปลูกไมเหมาะสม
s = สภาพธาตุอาหารพืชในชวงที่ปลูกไมเหมาะสม
r = สภาพดินไมเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของรากพิจารณาเฉพาะเนื้อดิน
และโครงสรางดิน
z = สภาพปฏิกิริยาดิน(pH) ของดินไมเหมาะสม
k = ดินไมเหมาะสมตอการทําเขตกรรมพิจารณาเฉพาะความลึกดิน
เนื้อดิน และโครงสรางดิน
x = ดินมีอิทธิพลของเกลือ
w = พื้นที่ไมเหมาะสมตอการใชเครื่องจักรกล
e = พื้นที่งายตอการชะลาง
5. ปญหาและขอจํากัดในการปลูกพืช
5.1 การชะลางพังทลายของหนาดิน ซึ่งเกิดมากในบริเวณที่มีความลาดชันสูง และมีความรุนแรง
ปานกลางในพื้นที่ซึ่งมีความลาดชันมากกวา 5 เปอรเซ็นตขึ้นไป การชะลางพังทลายเปนสาเหตุใหมีการ
สูญเสียหนาดินมาก จึงตองมีการอนุรักษดินและน้ําที่เหมาะสม
5.2 สมบัติทางกายภาพของดินไมเหมาะสม เนื่องจากกลุมชุดดินนี้เปนดินเนื้อหยาบ โดยเฉพาะ
อยางยิ่งดินบนเปนดินทรายและมีอินทรียวัตถุต่ํา จึงอุมน้ําไดนอย ดังนั้นแมจะอยูในพื้นที่ซึ่งฝนชุก หากฝน
ทิ้งชวงก็ทําใหพืชขาดน้ําได
5.3 ความอุดมสมบูรณของดินต่ํา ผลการวิเคราะหดินแสดงวาความจุในการแลกเปลี่ยนแคตไอออน
และระดับความเปนประโยชนของธาตุอาหารหลักในดินต่ํา จําเปนตองบํารุงดินดวยปุยอินทรียและปุยเคมี
6. การจัดการเพื่อใหความเหมาะสมในการปลูกพืช
6.1 การอนุรักษดินและน้ํา กลุมชุดดินนี้เกิดการชะลางพังทลายไดงาย เนื่องจากเนื้อดินคอนขาง
เปนทรายและอยูในพื้นที่ซึ่งมีความลาดชันสูง ดังนั้นในบริเวณที่มีความลาดชันนอยกวา 12 เปอรเซ็นต ควร
ใชวิธีการทางพืชในการอนุรักษดิน เชน 1) ปลูกพืชคลุมดิน เพื่อปองกันมิใหเม็ดฝนกระแทกผิวดินโดยตรง 2) ปลูก
พืชเปนแถว หรือเปนแถบขวางความลาดเท 3) ปลูกหญาแฝกตามแนวระดับ 4) ปลูกพืชตระกูลถั่วสลับกับ
พืชหลัก เพื่อขวางทิศทางการไหลบาของกระแสน้ํา การนําวิธีเชิงกล เชน การทําคันดิน ขั้นบันไดดิน รอง