Page 61 - การใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลเพื่อศึกษารูปแบบการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ Using of remote sensing for economic crops growth pattern study
P. 61
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
50
ในช่วงคลื่นต่างๆ ที่แตกต่างกันเพื่อหาอัตราสวน (Band Ratio) ของพลังงานแมเหล็กไฟฟาซึ่งเรียกวา
ดัชนีพืชพรรณ (Vegetation Indices)
3.3.1 ดัชนีพืชพรรณ (Vegetation Indices) เป็นการน าช่วงคลื่นที่เกี่ยวข้องข้องกับพืชพรรณ
มาท า การค านวณค่าสัดส่วนต่อกัน ซึ่งค่าที่น ามาค านวณนี มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพลังงานคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์กับพืชพรรณที่สะท้อนปริมาณแสงตกกระทบในพื นที่เพาะปลูกพืชในสัดส่วน
ที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่ต่างกัน ดัชนีพืชพรรณถูกสร้างขึ นเพื่อปรับเน้นข้อมูลใหมีความเหมาะสมตอการ
ใชงาน หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของขอมูลใหแสดงความชัดเจนในสิ่งที่ท าการศึกษามากขึ น ซึ่งสามารถ
บ่งบอกถึงสัดส่วนของพืชพรรณที่ปกคลุมพื นผิว สถานะของพืชรวมถึงสภาพความแข็งแรงและความ
ผิดปกติของพืชนั นในพื นที่แปลงปลูกพืช โดยทั่วไปค่าดัชนีพืชพรรณ (VI) สามารถประยุกต์ วิธีการค านวณ
ไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น ดัชนีความต่างของพืชพรรณ
(normalized difference vegetation index:NDVI) (Rouse et al., 1974; Thompson et al., 2015)
ดัชนีความต่างของพืชพรรณด้วยช่วงคลื่นแสงสีเขียว (green normalized difference vegetation
index: GNDVI) (Gitelson et al., 1996) และ ดัชนีความต่างของคลื่นอินฟราเรด (Normalized
Difference Infrared Index:NDII) (Hunt and Rock, 1989) เป็นต้น (ตารางที่ 8) สามารถน ามาใช้เพื่อ
ตรวจสอบสถานะการเจริญเติบโตของพืชตามเวลาจริง การท านายหรือประเมินคุณลักษณะของพืช เช่น
พื นที่ใบ มวลชีวภาพ ความสมบูรณของพืชและความหนาแนนของพืชซึ่งจะเป็นประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ
เช่น เพื่อวัดสถานะของต้นกล้า (ก่อนและระหว่างขั นตอนการปลูก) เพื่อปรับใช้เทคนิคการจัดการเวลา
อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความอยู่รอดและผลผลิตของพืช หรือเพื่อส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ น
การประยุกต์ใช้ดัชนีพืชพรรณที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่
เกี่ยวข้องกับภัยแล้ง และเหตุการณ์รุนแรง เช่น คลื่นความร้อนซึ่งเริ่มเข้าสู่ภูมิภาคที่ขณะนี ประสบปัญหา
ภัยแล้ง เป็นต้น (ชรัตน, 2540)
1) ดัชนีความต่างของพืชพรรณ (Normalized Difference Vegetation Index : NDVI) เป็น
ค่าดัชนีที่นิยมใช้เป็นตัวบ่งชี ที่แสดงความเขียว ความหนาแน่น และสุขภาพของพืชในแต่ละพิกเซลของ
ภาพถ่ายดาวเทียม เป็นหนึ่งในดัชนีพืชพรรณที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในการรับรู้จากระยะไกล
นับตั งแต่เปิดตัวในปี 1970 และการเกษตรดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้ประโยชน์จากดัชนีนี มาก
ที่สุดเป็นการน าค่าสะท้อนของพื นผิวระหว่างช่วงคลื่นใกล้อินฟราเรดกับช่วงคลื่นตามองเห็นสีแดงมาท า
สัดส่วนกับค่าผลบวกของทั งสองช่วงคลื่นเพื่อปรับให้เป็นลักษณะการกระจายแบบปกติ ท าให้ค่า NDVI มี
ค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 ซึ่งจะช่วยในการแปลผลได้ง่ายขึ น โดยที่ค่า 0 หมายถึงไม่มีพืชพรรณใบเขียวอยู่ใน
พื นที่ส ารวจ ในขณะที่ค่า 0.8 หรือ 0.9 หมายถึงพืชพรรณใบเขียวหนาแน่นมากในพื นที่ดังกล่าว กรณีที่
พื นผิวมีพืชพรรณปกคลุมจะมีค่าการสะท้อนในช่วงคลื่นอินฟราเรดสูงกว่าช่วงคลื่นตามองเห็นสีแดงทาให้
NDVI มีค่าเป็นบวกในขณะที่พื นผิวดินจะมีค่าการสะท้อนระหว่างสองช่วงคลื่นใกล้เคียงกันทาให้ NDVI มี
ค่าใกล้เคียง 0 ส่วนกรณีที่พื นผิวเป็นน าจะมีค่าการสะท้อนในช่วงคลื่นใกล้อินฟราเรดต่ ากว่าช่วงคลื่นตา
มองเห็นสีแดงท าให้ค่า NDVI มีค่าติดลบทั งนี โดยปกติค่านี จะมีค่าอยู่ระหว่าง 0.1 ถึง 0.7 เท่านั น ดังนั น