Page 25 - การประเมินปริมาณโพแทสเซียมในดิน ด้วยเทคนิคเนียร์อินฟราเรด (NIR) The evaluation of Potassium content in soil by Near Infrared.
P. 25
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
25
ผลการศึกษาที่ได้ ดังแสดงในตารางแสดงประสิทธิภาพของสมการคาลิเบรชัน (ตารางที่ 4) ซึ่งพบว่า
เทคนิคเนียร์อินฟราเรดสามารถใช้ในการทำนายค่าปริมาณโพแทสเซียมในดินได้ เมื่อมีการสร้างสมการโดย
พิจารณาจากปริมาณของอนุภาคดินเหนียวเป็นหลัก โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคขนาดดินเหนียวตั้งแต่ 21% ขึ้นไป
2
2
ให้สมการคาลิเบรชันที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า (R =0.87) กลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว <20% (R <0.71)
และกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ไม่ได้มีการแยกตามปริมาณของอนุภาคดินเหนียว (R =0.54) ดังนั้น สมการจากกลุ่ม
2
ตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว 21-40% และ 41-60% เป็นสมการคาลิเบรชันที่มีประสิทธิภาพปานกลาง สามารถ
ใช้ในการคัดเลือก หรือตรวจคุณภาพบางอย่างได้ และสมการจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว >60% (R =
2
0.97) ถือว่าเป็นสมการคาลิเบรชันที่มีประสิทธิภาพดี สามารถใช้ในการตรวจคุณภาพได้แต่ต้องใช้ด้วยความ
ระมัดระวังในการประยุกต์ใช้งาน
ในส่วนการทดสอบความถูกต้องของสมการที่สร้างขึ้น (validation) นั้น พบว่าทั้งสมการที่สร้างจากกลุ่ม
ตัวอย่างทั้งหมดที่ไม่ได้มีการแยกตามปริมาณของอนุภาคดินเหนียว และสมการที่สร้างจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาค
ขนาดดินเหนียว ≤ 20% ขึ้นไป มีค่า RPD ต่ำ มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ไม่สามารถใช้เป็นสมการทำนายได้ แต่ใน
สมการที่สร้างจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียวมากกว่า 21% ขึ้นไป มีค่า RPD > 3 สูง แสดงให้เห็นว่าสมการ
คาลิเบรชันที่สร้างขึ้นสามารถทำนายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมการจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว >60%
สมการมีค่า RPD สูง สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ
สรุปและวิจารณ์ผลการวิจัย
การพัฒนาเทคนิคการวิเคราะห์โดยการสร้างสมการทํานายปริมาณโพแทสเซียมในดินด้วยเทคนิคเนียร์
อินฟราเรด โดยใช้การวัดที่เลขคลื่น 12,800- 3,900 cm (ความยาวคลื่น 780-2,560 nm) ประกอบด้วยสมการ
-1
จากกลุ่มตัวอย่างดินทั้งหมดที่ไม่มีการแยกปริมาณของอนุภาคดินเหนียว และสมการจากการพิจารณาปัจจัยด้าน
ปริมาณอนุภาคดินเหนียว ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเทคนิคเนียร์อินฟราเรดสามารถใช้ในการทำนายค่าปริมาณ
โพแทสเซียมในดินได้เมื่อมีการสร้างสมการโดยพิจารณาจากปริมาณของอนุภาคดินเหนียวเป็นหลัก โดยกลุ่ม
ตัวอย่างที่มีอนุภาคขนาดดินเหนียวตั้งแต่ 21% ขึ้นไป ให้สมการคาลิเบรชันที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า (R >0.87)
2
กลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว ≤ 20% (R <0.71) และกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ไม่ได้มีการแยกตามปริมาณของ
2
อนุภาคดินเหนียว (R =0.54) โดยเฉพาะสมการที่สร้างจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอนุภาคดินเหนียว >60% มีค่า
2
2
สหสัมพันธ์ของสมการสูง (R = 0.97) และมีค่าความแม่นยำในการทดสอบสมการสูง (RPD 5.99) ถือว่าเป็นสมการ
คาลิเบรชันที่มีประสิทธิภาพดี สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ แต่ยังคงมีข้อจำกัดเนื่องจากสมการที่ไม่มีการแยก
ปริมาณของอนุภาคดินเหนียวยังมีประสิทธิภาพในการทำนายไม่ดี ทำให้ยังไม่ครอบคลุมการใช้งาน ดังนั้นจึงต้องมี
การศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้สมการที่มีความแม่นยำสูงขึ้น เช่น การสร้างสมการจากตัวอย่างดินที่มี specific land