Page 12 - การศึกษาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพสำหรับนาข้าวต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในดินร่วนปนทราย จังหวัดสุรินทร์ Study efficiency of bio-fertilizer to increase growth and rice (Khao Dawk Mali 105) yield inSandy Loam soil, Surin Province.
P. 12

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน




                   1. คุณสมบัติทางเคมีดินก่อนการทดลอง ในแปลงนาข้าวขาวดอกมะลิ 105

                          จากการวิเคราะห์ตัวอย่างดินก่อนการทดลองปรากฏว่า พื้นที่ทำการทดลองมีความเป็น กรด-ด่าง อยู่ที่ 5 (เป็น
                   กรดจัด)  ค่าการนำไฟฟ้าเท่ากับ 0.02ds m-1 ด้านปริมาณอินทรียวัตถุพบว่ามีปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับต่ำมาก
                   เท่ากับ 0.14 เปอร์เซ็นต์ มีธาตุอาหารฟอสฟอรัสอยู่ในระดับต่ำมากเท่ากับ 4 mg kg-1 และมีปริมาณธาตุอาหารโพแต
                   สเซียมสูงที่สุด เท่ากับ 16 mg kg-1  รองลงมาได้แก่ ตำรับการทดลองที่ 4 มีปริมาณธาตุอาหารโพแตสเซียม อยู่ในระดับ
                   ต่ำมากเท่ากับ 5 mg kg-1

                   ตารางที่ 1 คุณสมบัติทางเคมีดินก่อนการทดลอง
                              รายการวิเคราะห์ดิน              หน่วย        ผลวิเคราะห์           ระดับ


                    1.ความเป็นกรด-ด่างในดิน                                   5.00              กรดจัด
                    2. ความต้องการปูน                      CaCO3 kg/rai      1248         ใช้โดโลไมท์ 1,360 กก./ไร่
                    3. ค่าความเค็มดิน                         ds/m            0.02               ไม่เค็ม

                    4. ปริมาณอินทรียวัตถุ                       %             0.14              ต่ำมาก
                    5.ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์           mg/kg            4                ต่ำมาก
                    6.ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์         mg/kg            5                ต่ำมาก


                   2. ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพต่อคุณสมบัติทางเคมีดิน ในแปลงนาข้าวขาวดอกมะลิ 105 ระหว่าง
                   ปี 2561- 2563


                       2.1 ความเป็นกรด-ด่างของดิน pH
                          จากตารางที่ 2 ผลการศึกษาความเป็นกรด-ด่างของดินหลังการทดลอง พบว่าในปี 2561 ทุกตำรับการทดลองมี
                   ความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 6.4-6.9 ซึ่งตำรับการทดลองที่ 6 และ ตำรับการทดลองที่ 7 มีค่าความเป็นกลาง เท่ากับ 6.9
                   ส่วนตำรับการทดลองที่ 5 มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย เท่ากับ 6.4 รองลงมาได้แก่ตำรับการทดลองที่ 1 ตำรับการทดลองที่
                   2 ตำรับการทดลองที่ 3 ตำรับการทดลองที่ 4 และตำรับการทดลองที่ 8 เท่ากับ 6.5 (เป็นกรดเล็กน้อย) ทุกตำรับการทดลอง

                   ตำรับการทดลองที่ 4 และ ตำรับการทดลองที่ 6 มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นที่ 95%
                   เท่ากับ 6.4 และ 6.9 ตามลำดับ
                          ในปี 2562 ก่อนการทดลอง พบว่าทุกตำรับการทดลองมีความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 6.0-6.6 ซึ่งตำรับการ
                   ทดลองที่ 7 มีค่าความเป็นกลาง เท่ากับ 6.6 ส่วนตำรับการทดลองที่ 5 มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย เท่ากับ 6.0 รองลงมา
                   ได้แก่ตำรับการทดลองที่ 1 ตำรับการทดลองที่ 2 ตำรับการทดลองที่ 3 ตำรับการทดลองที่ 4 ตำรับการทดลองที่ 6 และตำรับ
                   การทดลองที่ 8 เท่ากับ 6.2 6.2 6.2 6.1 6.4 และ6.1 (เป็นกรดเล็กน้อย) ตามลำดับ ตำรับการทดลองที่ 4 ตำรับการ
                   ทดลองที่ 5 และ ตำรับการทดลองที่ 7 มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% เท่ากับ 6.1

                   6.0 และ 6.6 ตามลำดับ หลังการทดลอง พบว่าทุกตำรับการทดลองมีความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 6.2-7.3 ซึ่งตำรับการ
                   ทดลองที่ 6 มีค่าความเป็นกลาง เท่ากับ 7.3 รองลงมาได้แก่ ตำรับการทดลองที่ 4 ตำรับการทดลองที่ 7 และตำรับการ
                   ทดลองที่ 8 เท่ากับ 6.8 6.7 และ6.6 (เป็นกลาง) ตามลำดับ ส่วนตำรับการทดลองที่ 2 มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย เท่ากับ
                   6.2 รองลงมา ได้แก่ตำรับการทดลองที่ 1 ตำรับการทดลองที่ 3 และตำรับการทดลองที่ 5 เท่ากับ 6.5 6.4 และ6.3 (เป็นกรด
                   เล็กน้อย) ตามลำดับ ตำรับการทดลองที่ 2 และ ตำรับการทดลองที่ 6 มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
                   ความเชื่อมั่นที่ 95% เท่ากับ 6.2 และ 7.3 ตามลำดับ
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17