Page 11 - การจัดทำค่ามาตรฐานธาตุอาหารพืชในชาน้ำมันเพื่อใช้เป็นค่าวินิจฉัยสำหรับให้คำแนะนำปุ๋ย Preparation of Standard Plant Nutrients in Camellia oleifera Able. for Use as Diagnostic for Fertilizer Recommendations.
P. 11

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                           1


                                                       หลักการและเหตุผล


                          ชาน ้ามัน (Camellia oleifera Able.) เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในเขต

                   พื นที่สูงบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย อีกทั งช่วยแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรมและป้องกันการกัดเซาะ
                   พังทลายของหน้าดินบริเวณเชิงเขา ปัจจุบันมีพื นที่ปลูก ประมาณ 4,000 ไร่ ภายใต้โครงการศึกษาและ

                   พัฒนาการปลูกชาน ้ามัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนาที่ด้าเนินงานสนองพระราชด้าริสมเด็จ

                   พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยจัดตั งศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน ้ามัน และพืชน ้ามัน เพื่อเป็น
                   โรงงานผลิตน ้ามันจากเมล็ดชา และพืชน ้ามันอื่น ๆ ซึ่งโรงงานจะผลิตน ้ามันคุณภาพสูง ส้าหรับการบริโภค

                   และท้าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น เครื่องส้าอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากน ้ามันที่ได้จากเมล็ดชามีกรดไขมัน
                   ไม่อิ่มตัวสูง และมีสัดส่วนของกรดไขมันชนิดต่าง ๆ ใกล้เคียงกับน ้ามันมะกอก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น

                   น ้ามันมะกอกแห่งตะวันออก สอดคล้องกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การอาหาร ที่พบว่าน ้ามันเมล็ดชามี
                   สัดส่วนของกรดไขมันชนิดต่าง ๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค มีสรรพคุณทางการแพทย์ในการช่วย

                   ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดชาจึงเป็นที่ต้องการของตลาด และนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่

                   มีบทบาทในการสร้างรายได้ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแก่เกษตรกรในพื นที่ (มูลนิธิชัยพัฒนา, 2562)
                          การปลูกชาน ้ามันให้ได้ทั งปริมาณผลผลิต และมีคุณภาพ แต่ยังคงความความอุดมสมบูรณ์ของดินไว้

                   ในกระบวนการปลูกจ้าเป็นต้องมีการจัดการดูแลตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะการจัดการธาตุอาหาร เป็นปัจจัย

                   หลักที่ควบคุมปริมาณ และคุณภาพของของผลผลิต แต่ในปัจจุบันค่ามาตรฐานของระดับธาตุอาหารที่
                   เหมาะสมในชาน ้ามัน ส้าหรับใช้แนะน้าปุ๋ยยังไม่พบรายงานการศึกษา ถึงระดับธาตุอาหารในช่วงขาดแคลน

                   (deficient) ต่้า (low) เพียงพอ (sufficient) หรือสูงเกินไป (excessive) โดยทั่วไปเกษตรกรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร

                   15-15-15 วิธีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจึงอาจไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ชาน ้ามันได้รับธาตุอาหารไม่เพียงพอ หรือมาก
                   เกินไป ท้าให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหารในดิน เช่น ในกรณีของลองกองที่ขาดแคลเซียม และ

                   แมกนีเซียม พบว่า มีโพแทสเซียมในใบเกินความต้องการ หรือในกรณีของฟอสฟอรัสหากมีการใส่ปุ๋ยมาก
                   เกินไป ฟอสฟอรัสอาจไปลดความเป็นประโยชน์ของสังกะสี (จ้าเป็น และคณะ, 2549) หรือในกรณีของปาล์ม

                   น ้ามัน พบความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่างโพแทสเซียม และแมกนีเซียม (สุนีย์ และคณะ, 2540) การใส่ปุ๋ย

                   โพแทสเซียมในอัตราสูงกว่า 3.5 กก./ต้น/ปี ท้าให้แมกนีเซียมในใบปาล์มน ้ามันลดลงจาก 3.7 เป็น 2.5 ก/กก.
                   (ชัยรัตน์, 2548)

                          ดังนั น จึงจ้าเป็นต้องจัดท้าค่ามาตรฐานของธาตุอาหารชนิดต่าง ๆ ในชาน ้ามัน เพื่อใช้เป็นค่าวินิจฉัย
                   ระดับธาตุอาหาร ส้าหรับให้ค้าแนะน้าปุ๋ยแก่เกษตรกร ซึ่งสามารถท้าได้โดยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง

                   ความเข้มข้นของธาตุอาหารในดิน หรือพืชกับปริมาณผลผลิต การสร้างความสัมพันธ์ดังกล่าวในกรณีของพืช

                   อายุสั น สามารถด้าเนินการโดยการปลูกพืชในแปลงทดสอบที่ให้ระดับธาตุอาหารแตกต่างกัน (de la Puente
                   and Belda, 1999) แต่ในกรณีของพืชยืนต้นนิยมใช้วิธีส้ารวจเก็บตัวอย่างดิน และพืชจากแปลงเกษตรกร

                   (สุมิตรา และวิเชียร, 2546; สมศักดิ์, 2551; ภรภัทร และสมศักดิ์, 2559) จากนั นน้าข้อมูลมาหาความสัมพันธ์

                   ระหว่างความเข้มข้นของธาตุอาหาร กับปริมาณผลผลิต เพื่อใช้ก้าหนดช่วงความเหมาะสมของธาตุอาหารชนิด
                   ต่าง ๆ
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16