Page 78 - การประเมินคุณภาพดินเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ ทางการเกษตรที่มีอัตราการชะล้างพังทลายสูงโดยใช้เทคนิคนิวเคลียร์ จังหวัดกาญจนบุรี Assessing soil quality and enhance crop productivity through agriculture management using nuclear techniques in the area of erosion in Kanchanaburi province.
P. 78
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
72
ตารางที่ 23 คาเฉลี่ยปริมาณแคลเซียมในดิน (Ca) ในพื้นที่ทดลอง เก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม)
ปริมาณแคลเซียมในดิน (Ca)
ระดับความลึกของดิน (mg/kg)
(เซนติเมตร) Toeslope Footslope Backslope Shoulder Summit คาเฉลี่ย
(TS) (FS) (BS) (SH) (SU) (Mean)
(1) พื้นที่ปลูกพืชที่ไมมีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา
0 - 10 417.50 305.66 308.55 298.49 340.12 334.065a
10 – 20 399.60 262.87 250.36 186.19 286.22 277.049b
20 – 30 388.54 164.74 144.73 168.14 202.35 213.701b
คาเฉลี่ย (Mean) 401.880 244.425 234.547 217.608 276.232 274.938b
(2) พื้นที่ปาหรือพื้นที่ไมผลที่ไมมีการรบกวนหนาดิน (ใชสําหรับการอางอิงขอมูล calibration)
0 - 10 342.89 160.59 81.31 347.24 237.73 233.952c
10 – 20 91.50 611.90 439.13 252.97 512.38 381.577b
20 – 30 454.89 351.42 591.07 430.23 237.99 413.120a
คาเฉลี่ย (Mean) 296.425 374.639 370.504 343.479 329.368 342.883b
(3) พื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกรที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ําที่ออกแบบโดยกรมพัฒนาที่ดิน
0 - 10 1621.62 1464.97 1105.84 1373.57 1329.03 1379.006b
10 – 20 1709.15 1365.05 1408.02 1337.66 1589.50 1481.878a
20 – 30 1457.96 1343.28 1643.71 1170.50 1294.10 1381.908b
คาเฉลี่ย (Mean) 1596.246 1391.098 1385.858 1293.908 1404.209 1414.264a
ผลการศึกษาดานปริมาณแคลเซียมในดิน (Ca) สามารถวิจารณผลได ดังนี้ Ca เปนธาตุอาหารพืชที่มี
อัตราการสูญเสียออกไปจากหนาดินหรือการถูกชะลางพังทลายของดินในแนวระนาบนอยมาก ซึ่งสังเกตไดจาก
พื้นที่เกษตรกรทั่วไป ที่ไมมีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ Ca โดยเฉลี่ยตามชวงระยะเวลาของการเก็บขอมูล
(ภาพที่ 29 ก) อยางไรก็ตาม พื้นที่ปายางพารา และพื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ มีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณธาตุ
Ca ตามชวงระยะเวลาการเก็บขอมูลแตกตางไปจากพื้นที่เกษตรกรทั่วไป กลาวคือ ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 3
(เดือนสิงหาคม) พื้นที่ปายางพารา มีปริมาณ Ca สูงที่สุด ที่ระดับความลึก 20-30 เซนติเมตร มากกวาปริมาณ
Ca ที่ระดับความลึก 10-20 เซนติเมตร และ 0-10 เซนติเมตร ตามลําดับ (ภาพที่ 29 ข) จะเห็นไดวา ปริมาณ Ca
ที่ระดับความลึก 0-10 เซนติเมตร ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 1 (เดือนเมษายน) และการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (เดือน
มิถุนายน) มีคาใกลเคียงกับ ปริมาณ Ca ที่ระดับความลึก 10-20 เซนติเมตร และ 20-30 เซนติเมตร ในการเก็บ
ขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) แสดงใหเห็นวา มีการชะลางธาตุ Ca ในแนวลึกหรือแนวตั้งมากที่สุด ในขณะที่
พื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ มีการลดลงของปริมาณ Ca ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 อยางมาก ซึ่งอาจเกิดจาก การชะ
ลางพัดพาธาตุ Ca ใหออกไปจากพื้นที่ศึกษาในแนวราบ จากนั้นจึงมีการชะลางพัดพาธาตุ Ca ในแนวลึกหรือ
แนวตั้ง เมื่อมีการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) ดังภาพที่ 29 ค
ภาพที่ 30 แสดงปริมาณธาตุ Ca ในดิน ที่เปรียบเทียบกับพื้นที่ศึกษาทั้งสามแหลง ปรากฏวา พื้นที่
จัดระบบอนุรักษฯ มีปริมาณ Ca สูงที่สุด แตกตางจากพื้นที่ศึกษาที่เหลือทั้งสองอยางชัดเจน ซึ่งอาจเกิดจากการ
ที่เกษตรกรในพื้นที่ที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา ใชวัสดุปูนเปนสารปรับปรุงบํารุงดินในพื้นที่และมีการ
ตกคางอยูในดินหลังการเก็บเกี่ยวพืชจํานวนมาก