Page 46 - ผลกระทบจากการเผาตอซังและไม่ไถพรวนต่อสมบัติดินเพื่อ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ Effects of Burning and No-tillage on Soil Properties forMaize Production on Upland in Chiang Mai Province.
P. 46

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                           33

                   ตารางที่ 18 ปริมาณตะกอนดินแห้งที่สูญเสียดิน ปี 2562

                                                                         Annual soil loss
                                            Treatment
                                                                          (ton/rai/year)

                                  T1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง                     0.56
                                  T2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง                     0.57

                                  T3 ไถพรวนดินและเผาตอซัง                     2.24

                                  T4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอซัง
                                       และปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน               0.11
                                              F-test                           ns

                                             C.V. (%)                         12.36




                          3.สมบัติบางประการของดินหลังการทดลอง

                            เก็บตัวอย่างดินหลังการทดลองปลูกข้าวโพดในที่ 2 และทำการศึกษาสมบัติทางกายภาพของดิน

                   บางประการ พบว่าความหนาแน่นของดิน (Bulk Density) ในทุกตำรับการทดลองไม่มีความแตกต่างทางสถิติ
                   โดยตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซังมีความหนาแน่นของดินสูงสุดที่ 1.30 กรัมต่อตาราง

                   เซนติเมตร ตำรับการทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง และตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถพรวนดิน ไม่เผาตอ

                   ซังและปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดินมีความหนาแน่นของดินที่ 1.24 และ 1.22 กรัมต่อตารางเซนติเมตร ตามลำดับ
                   ตำรับการทองที่ 3 ไถพรวนดินและเผาตอซังมีความหนาแน่นของดินต่ำสุดที่ 1.19 กรัมต่อตารางเซนติเมตร


                            เมื่อทำการหาปริมาณความชื้นในดิน (Soil Moisture Content) พบว่าปริมาณความชื้นในดินใน
                   ทุกตำรับการทดลองไม่มีความแตกต่างทางสถิติ โดยปริมาณความชื้นในดิน มีค่าสูงสุดที่ 24.23 เปอร์เซ็นต์โดย

                   น้ำหนัก และมีค่าต่ำสุดที่ 21.83 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก

                            เมื่อหาความแตกต่างทางสถิติของค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดิน (Hydraulic conductivity Of

                   saturated soil) พบว่าค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินมีความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.1)
                   โดยตำรับการทดลองที่ 1 ไม่ไถพรวนและเผาตอซัง มีค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินต่ำสุดที่ 9.25 เซนติเมตร

                   ต่อชั่วโมง และไม่พบความแตกต่างทางสถิติในตำรับการทดลองอื่น โดยตำรับการทดลองที่ 3 ไถพรวนดินและ
                   เผาตอซังมีค่าสัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินสูงสุดที่ 40.19 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ตำรับการทดลองที่ 4 ไม่ไถ

                   พรวนดิน ไม่เผาตอซังและปลูกถั่วปิ่นโตคลุมดิน และตำรับการทดลองที่ 2 ไถพรวนดินสับกลบตอซัง มีค่า

                   สัมประสิทธิ์การนำน้ำของดินที่ 35.30 และ 34.24 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ตามลำดับ ดังตารางที่ 19
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51