Page 32 - ผลการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปูนโดโลไมท์ต่อการเจริญเติบโตของปาล์มน้ำมันในพื้น ที่ดินเปรี้ยวจัด จังหวัดพัทลุง Effect of using organic fertilizer together with dolomite for growth on oil plam in acid sulfate soil at Phattalung province

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

ตารางที่ 8 ปริมาณอินทรียวัตถุกอนและหลังดําเนินการ ที่ระดับความลึก 0-30 เซนติเมตร (เปอรเซ็นต)

ปริมาณอินทรียวัตถุ (OM)
ตํารับ (เปอรเซ็นต)
กอนการทดลอง ปที่ 1 ปที่ 2 ปที่ 3
b
b
b
T1 1.22 1.41 1.40 1.50
b
b
b
T2 1.18 1.26 1.42 1.58
b
b
b
T3 1.22 1.35 1.37 1.52
T4 1.30 1.62 1.66 1.63
ab
ab
ab
ab
a
a
T5 1.48 2.14 2.47 1.73
ab
ab
T6 1.27 1.82 2.03 1.87
ab
ab
ab
b
T7 1.33 1.52 1.78 1.83
a
ab
b
T8 1.37 1.56 1.92 2.06
b
ab
ab
T9 1.35 1.44 1.61 1.86
Average 1.32 1.57 1.74 1.73

F-test ns ** * *
CV.(%) 13.13 13.81 21.03 10.00
หมายเหตุ: ns ไมมีความแตกตางกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอรเซ็นต
** มีความแตกตางกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 99 เปอรเซ็นต
* มีความแตกตางกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอรเซ็นต
1/ คาเฉลี่ยที่กํากับดวยตัวอักษรที่ตางกันในคอลัมนเดียวกันมีความแตกตางกันทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % โดยวิธี DMRT

2.3 ปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนตอพืช (Avail. P) กอนดําเนินการทดลอง พบวา
ปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนทุกตํารับมีคาไมแตกตางกันทางสถิติ โดยปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชน
อยูในระดับต่ํา มีคาเฉลี่ยเทากับ 3.22 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม และมีแนวโนมเพิ่มขึ้นทุกป โดยหลังการทดลองปที่
1 ปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนทุกตํารับมีคาไมแตกตางกันทางสถิติ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนอยู
ในระดับปานกลาง (Moderate) มีคาเฉลี่ยเทากับ 14.63 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม แตหลังการทดลองในปที่ 2
พบวา ปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนทุกตํารับมีแนวโนมเพิ่มขึ้น มีคาแตกตางกันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ
อยูในระดับปานกลางถึงสูง (Moderate-high) กลาวคือ ตํารับที่ 6 ที่มีการใสโดโลไมทตามคาความตองการปูน
(LR) รวมกับการใสปุยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งตามคาวิเคราะหดิน และปุยชีวภาพ พด.12 มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เปน
ประโยชนสูงที่สุด มีคาเฉลี่ยเทากับ 44.57 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม รองลงมาคือ ตํารับที่ 3 ที่มีการใสปุยเคมีตาม
คาวิเคราะหดิน ตํารับที่ 7 มีการใสโดโลไมทตามคาความตองการปูน (LR) และใสปุยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งตามคา
วิเคราะหดิน รวมกับปุยชีวภาพ พด.9 และตํารับที่ 2 ที่มีการใสปุยเคมีตามคําแนะนํากรมวิชาการเกษตร มี
คาเฉลี่ยเทากับ 36.09, 29.72 และ 25.55 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม ตามลําดับ สวนตํารับที่ 9 ที่มีการใสโดโลไมท
ตามคาความตองการปูน (LR) รวมกับการใสมูลไกแกลบ น้ําหมักชีวภาพ พด.2 และปุยอินทรียที่ขยายเชื้อดวย
จุลินทรียซุปเปอร พด.9 มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนต่ําที่สุด มีคาเฉลี่ยเทากับ 19.13 มิลลิกรัมตอ

กิโลกรัม เชนเดียวกับหลังการทดลองในปที่ 3 ที่พบวาปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนมีแนวโนมเพิ่มขึ้น และ
มีคาแตกตางอยางมีนัยสําคัญยิ่งทางสถิติ ทุกตํารับมีปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนอยูในระดับสูงถึงสูงมาก
(high-very high โดยตํารับที่ 6 ที่มีการใสโดโลไมทตามคาความตองการปูน (LR) รวมกับการใสปุยเคมีอัตรา
ครึ่งหนึ่งตามคาวิเคราะหดิน และปุยชีวภาพ พด.12 มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เปนประโยชนสูงที่สุด มีคาเฉลี่ย
เทากับ 84.98 มิลลิกรัมตอกิโลกรัม รองลงมาคือ ตํารับที่ 3 ที่มีการใสปุยเคมีตามคาวิเคราะหดิน และตํารับที่ 7
มีการใสโดโลไมทตามคาความตองการปูน (LR) และใสปุยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งตามคาวิเคราะหดิน รวมกับ

23