Page 98 - แผนบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลุ่มน้ำโดมใหญ่ อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
P. 98

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                          68



               ร่องน้ าขนาดเล็ก ร้อยละ 32.00 การชะล้างพังทลายของหน้าดินส่งผลให้แหล่งน้ าตื้นเขินขึ้น ท าให้มี

               ปริมาณการกักเก็บน้ าได้น้อยลง ร้อยละ 21.33 มีการใช้ปุ๋ย สารเคมี ยาฆ่าแมลงเพิ่มมากขึ้น และร้อยละ
               2.67 ในบางพื้นที่มีสภาพรอยทรุดหรือรอยแยกของหน้าดิน

                        ทั้งนี้ จะเห็นว่า เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของการชะล้างพังทลายของดิน

               ต่อความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดินที่ถูกชะล้างหรือกัดเซาะจะถูกพัดพาไหล
               ไปตกตะกอนในแหล่งน้ า ท าให้แหล่งน้ าตื้นเขิน ส่งผลให้ในฤดูฝนแม่น้ า ล าคลองเก็บน้ าไว้ไม่ทันเกิดน้ าท่วม

               และเกิดสภาวะขาดแคลนน้ าในฤดูแล้ง อีกทั้งสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่ไหลปนไปกับตะกอนดินสู่พื้นที่
               ตอนล่าง ท าให้เกิดมลพิษสะสมในดินและน้ ามีผลเสียต่อคน พืช สัตว์บก และสัตว์น้ า

                        4.2) ผลกระทบต่อผลผลิต เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 87.76 ได้รับผลกระทบต่อปริมาณผลผลิต

               จากการชะล้างพังทลายของดิน ในกรณีพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรที่มีสภาพเป็นร่องน้ า การสูญเสียของ
               หน้าดินซึ่งถูกพัดพาไป หรือทรุดตัวในบางแห่ง โดยแบ่งระดับผลกระทบต่อผลผลิตออกเป็น 3 ระดับ คือ

               ระดับน้อย (ลดลงไม่เกิน 20%) มีเกษตรกรได้รับผลกระทบร้อยละ 74.42 ระดับปานกลาง (ลดลง 20-
               40%) มีเกษตรกรได้รับผลกระทบร้อยละ 11.63 และระดับมาก (ลดลงมากกว่า 40%) มีเกษตรกรได้รับ

               ผลกระทบร้อยละ 13.95 นอกจากนี้มีเกษตรบางกลุ่ม (ร้อยละ 12.24) ให้ข้อมูลสภาพปัญหาการชะล้าง

               พังทลายที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตทางเกษตร
                        4.3) แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลาย จากสภาพปัญหาของการชะล้าง

               พังทลายของดินในพื้นที่เพาะปลูกพืช และที่อยู่อาศัยของเกษตรกร พบว่า เกษตรกรร้อยละ 37.25 ของ

               เกษตรกรทั้งหมด มีการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลาย โดยอาศัย 4 วิธีหลัก คือ 1) การท า
               คันดิน 2) สร้างท่อหรือทางระบายน้ า 3) ปรับรูปแปลงนา (ปรับพื้นที่นาให้ราบเรียบ และท าคันนา

               ขนาดใหญ่) และ 4) การปลูกพืชคลุมดิน ในขณะที่เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 62.75 ยังไม่มีแนวทางหรือ
               มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่า ส่วนใหญ่ยังขาดการสนับสนุนงบประมาณ

               ระดับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตขาดองค์ความรู้ ขาดแรงงาน

               เพื่อด าเนินการดังกล่าว อีกทั้งไม่มีเวลาในการด าเนินการ นอกจากนี้หากมีช่องทางในการป้องกันหรือแก้ไข
               โดยอาศัยหน่วยงานรัฐเข้ามาจัดการแก้ไขให้ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 65.62) มีความต้องการให้เข้า

               มาด าเนินการแก้ไข และมีเพียงบางส่วนที่ไม่ต้องการให้เข้ามาด าเนินการแก้ไข
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103