Page 57 - แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลุ่มน้ำห้วยศาลจอด อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
P. 57
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
37
มีเนื้อที่ร้อยละ 21.77 14.47 11.24 8.47 5.49 และ 2.12 ตามล าดับ ส่วนใหญ่พบกระจายตัวในพื้นที่
ต าบลโคกสี ต าบลโพนสูง ต าบลบ้านถ่อน และต าบลสว่างแดนดิน ดินมีลักษณะเป็นดินลึกปานกลางถึง
ลึกมาก สภาพพื้นที่แบบลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อยถึงลูกคลื่นลอนลาดดินบนมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย
ดินล่างมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย บางพื้นที่เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย และบางพื้นที่ดินล่างเป็น
ดินร่วนเหนียวปนทรายปนกรวดมาก ดินมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดการชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะดินที่มี
ลักษณะเนื้อดินบนและดินล่างต่างกัน ดินตื้นที่มีเนื้อดินเป็นดินค่อนข้างเป็นทรายควรมีมาตรการอนุรักษ์
ดินและน้ าที่เหมาะสม เช่น การท าคันดินกั้นน้ า ท าขั้นบันไดและปลูกพืชตามแนวระดับขวางความลาดชัน
ของพื้นที่ เพื่อชะลอความเร็วของน้ าที่ไหลบ่าผ่านผิวดิน ช่วยลดการชะล้างของหน้าดินและน้ าซึมผ่านลงไป
ในดินชั้นล่างได้มากขึ้น ท าให้ความชื้นในดินมากขึ้น นอกจากนี้ ควรปลูกพืชคลุมดินเพื่อช่วยรักษาความชื้น
ของดินไว้และยังช่วยลดการชะล้างพังทลายของดินได้อีกด้วย
เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านลักษณะของดินที่มีผลต่อการชะล้างพังทลายของดิน ซึ่งดินแต่ละชนิดจะ
ทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงโดยเฉพาะค่าปัจจัยความคงทนต่อ
การถูกชะล้างพังทลายของดิน (K-factor) ที่สามารถน าไปประเมินการสูญเสียดินในสมการการสูญเสียดิน
สากล (USLE) จะเห็นว่า ปัจจัยสมบัติดินที่มีผลต่อค่าปัจจัยความคงทนของดินได้แก่ (1) ผลรวมปริมาณ
ร้อยละของทรายแป้งและปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (% silt + % very fine sand) (2)
ปริมาณร้อยละของทราย (%sand)(3) ปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดิน (% organic matter)
(4) โครงสร้างของดิน (soil structure) และ (5) การซาบซึมน้ าของดิน (permeability) (กรมพัฒนาที่ดิน,
2545) จากการศึกษาค่าปัจจัยความคงทนของดินต่อการชะล้างพังทลาย (K-factor) ดินในประเทศไทย
มีค่า K อยู่ระหว่าง 0.04-0.56 โดยกลุ่มชุดดินที่ 22 23 24 41 42 และ 43 ซึ่งมีเนื้อดินบนส่วนใหญ่เป็น
ดินทรายร่วน มีค่า K ต่ าสุด คือ อยู่ระหว่าง 0.04 – 0.08 และกลุ่มชุดดินที่ 33 ซึ่งมีเนื้อดินบนส่วนใหญ่
เป็นดินร่วนปนทรายแป้ง มีค่า K สูงสุด คืออยู่ระหว่าง 0.37 – 0.56 ขณะที่หน่วยธรณีวิทยาพวกหินทราย
มีค่า K ต่ าสุด คือ อยู่ระหว่าง 0.04 – 0.08 และหน่วยธรณีวิทยาพวกหินดินดานและหินอัคนี มีค่า K
ค่อนข้างสูง คืออยู่ระหว่าง 0.24-0.30 (กองส ารวจดินและวิจัยทรัพยากรดิน, 2562) จากลักษณะและ
สมบัติดินดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ดินที่มีค่า K-factor ต่ า (ง่ายต่อการกร่อน) จะมีแนวโน้มเกิดการชะล้าง
พังทลายของดินได้สูง ส่วนดินที่มีค่า K-factor สูง (ยากต่อการกร่อน) จะมีแนวโน้มเกิดการชะล้างพังทลาย
ของดินได้ต่ า ดินที่พบส่วนใหญ่ของพื้นที่อยู่ในกลุ่มดินตื้นถึงกรวดลูกรัง มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย
ปนกรวดลูกรัง ปริมาณอินทรียวัตถุต่ า ได้แก่ ชุดดินโพนพิสัย(Pp) และดินคล้ายชุดดินโพนพิสัยที่มีจุดประสี
เทา (Pp-gm) คิดเป็นร้อยละ 28.60 ของเนื้อที่ทั้งหมด มีแนวโน้มค่าปัจจัยความคงทนของดิน (K-factor)
ค่อนข้างต่ า (ค่า K-factor = 0.24) เท่ากับดินในกลุ่มวัตถุต้นก าเนิดดินพวกหินตะกอนเนื้อหยาบซึ่งมีเนื้อ
ดินเป็นกลุ่มดินร่วนหยาบและปริมาณอินทรียวัตถุต่ า ได้แก่ ชุดดินห้วยแถลง (Ht) และชุดดินพระทองค า
(Ptk) มีค่า K-factor ค่อนข้างต่ า (ค่า K-factor = 0.24) คิดเป็นร้อยละ 21.77 และ14.47 ของเนื้อที่
ทั้งหมด ดินในกลุ่มดินร่วนละเอียดลึกมากที่เกิดจากตะกอนล าน้ า ปริมาณอินทรียวัตถุต่ า ได้แก่ ชุดดิน
หนองบุญนาค (Nbn) มีค่า K-factor ค่อนข้างต่ า (ค่า K-factor = 0.26)คิดเป็นร้อยละ 11.24