Page 28 - มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมในการปลูกข้าวไร่บนพื้นที่สูงในเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำแม่จันตอนบน ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
P. 28

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                       18







                       2. การเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดิน
                              2.1 สมบัติของดินก่อนการทดลอง ปี พ.ศ. 2557
                              จากการวิเคราะห์ดินก่อนเริ่มด าเนินการทดลองในปีแรกโดยเก็บตัวอย่างดินแบบ
                       composite  sample ที่ระดับความลึก 0-15  เซนติเมตร พบว่า ดินเป็นกรดรุนแรงมาก มีค่าความ

                       เป็นกรดเป็นด่างของดิน เท่ากับ 4.12 ปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับปานกลางคือ 2.19 เปอร์เซ็นต์
                       มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ เท่ากับ 12.73 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ระดับปาน
                       กลาง ปริมาณโพแทสเซียมที่สกัดได้ เท่ากับ 83  มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อยู่ในเกณฑ์ระดับปานกลาง
                       (ตารางที่ 2)

                       ตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์ทางเคมีก่อนปลูกข้าวไร่ ปี พ.ศ.2557


                        ผลการวิเคราะห์   pH        ปริมาณ          ฟอสฟอรัสที่เป็น     โพแทสเซียมที่สกัดได้
                                                                                                  -1
                                                                                -1
                             ดิน                อินทรียวัตถุ (%)   ประโยชน์ (mg-kg )        (mg-kg )
                         ก่อนปลูกพืช     4.12        2.19              12.73                   83

                              2.2 สมบัติของดินหลังการทดลอง

                              2.2.1 ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH)
                              หลังการทดลองปี 2559  มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงทุกปีและแนวโน้มค่าความเป็นกรด
                       เป็นด่างของดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมีสภาพเป็นกรดจัดมาก (very  strongly  acid)  มีค่าความเป็นกรด
                       เป็นด่างอยู่ในช่วง 4.29-5.18 ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (ตารางที่ 3) สาเหตุที่ความเป็นกรดเป็น
                       ด่างเพิ่มสูงขึ้นทุกวิธีการ โดยทั่วไปแล้วการใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเกิดการชะล้างหน้าดินในพื้นที่จะ

                       ส่งผลท าให้ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินมีค่าลดลง แต่จากภาพที่ 2กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อาจ
                       เป็นผลเนื่องมาจากการเตรียมพื้นที่ของเกษตรกรที่นิยมการเผาเศษวัชพืชมากกว่าการขนย้ายออกจาก
                       พื้นที่ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าระบบคูรับน้ าขอบเขาที่มีระยะห่างในแนวดิ่งต่างๆ กันมีผลต่อการ

                       เปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินน้อยกว่าการจัดการพื้นที่
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33