Page 37 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม บ้านนาหมัน หมู่ที่ 4 ตำบลแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน
P. 37
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
24
ยิ่งขึ้น ธรณีวิทยาโครงสร๎างของจังหวัดนําน มีลักษณะเป็นชั้นหินคดโค๎งแบบประทุนคว่้าและประทุน
หงายสลับกัน โดยมีแนวแกนคดโค๎งอยูํในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต๎ รอยแตกของ
หินสํวนใหญํจะมีทิศทางเดียวกับแนวแกนคดโค๎ง นอกจากนี้ยังมีกลุํมรอยเลื่อนปัวที่เป็นรอยเลื่อนมี
พลังและมีโอกาสเคลื่อนตัวอีกครั้ง พาดผํานในแนวเหนือ-ใต๎ทางด๎านตอนเหนือของจังหวัด สํงผลให๎
ชั้นหินในบริเวณใกล๎เคียงรอยเลื่อนมีพลัง เชํน ในอ้าเภอทุํงช๎าง อ้าเภอปัว และอ้าเภอบํอเกลือ มีรอย
แตกในทิศทางเหนือ-ใต๎เพิ่มขึ้นด๎วย
3.1.3 สภาพภูมิประเทศที่ท้าให๎เกิดดินถลํมได๎งําย ได๎แกํ พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง หรือมีทาง
น้้าคดเคี้ยวจ้านวนมาก นอกจากนี้ ยังพบวํา ลักษณะภูมิประเทศที่เป็นรํองเขาด๎านหน๎ารับน้้าฝนและ
บริเวณที่เป็นหุบเขากว๎างใหญํสลับซับซ๎อน แตํมีล้าน้้าหลักเพียงสายเดียวจะมีโอกาสเกิดดินถลํมได๎งําย
กวําบริเวณอื่น ๆ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงท้าให๎มีลุํมน้้า และแหลํงน้้าที่เป็นต๎นก้าเนิดของต๎น
น้้าล้าธารส้าคัญหลายสาย เชํน แมํน้้านําน แมํน้้าสา แมํน้้าว๎า แมํน้้าสมุน แมํน้้าหลง แมํน้้าปัว แมํน้้า
กอน เป็นต๎น นอกจากนี้ ยังมีล้าธารและล้าห๎วยจ้านวนมาก ชาวบ๎านจึงมักตั้งถิ่นฐาน บ๎านเรือนอยูํใกล๎
กับแหลํงน้้า ซึ่งอาจจะเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยตํอดินโคลนถลํมและน้้าป่าไหลหลาก สํวนพื้นที่ราบลุํม มีเป็น
สํวนน๎อย ได๎แกํ พื้นที่ราบกว๎างใหญํอยูํในลุํมน้้านําน ตามล้าน้้านําน และพื้นที่ราบลุํมแคบ ๆ อยูํแถบ
อ้าเภอนาน๎อย ตอนใต๎อ้าเภอทําวังผา อ้าเภอปัว อ้าเภอเชียงกลาง และอ้าเภอทุํงช๎าง
3.1.4 ปริมาณน้้าฝน ดินถลํมจะเกิดขึ้นเมื่อฝนตกหนักหรือตกติดตํอกันเป็นเวลานาน วัด
ปริมาณน้้าฝนได๎มากกวํา 100 มิลลิเมตรตํอ 24 ชั่วโมง และปริมาณน้้าฝนสะสมมากกวํา 300
มิลลิเมตร น้้าฝนจะไหลซึมลงไปในชั้นดิน จนกระทั่งชั้นดินอิ่มตัวด๎วยน้้า ความดันของน้้าในดินเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นการเพิ่มความดันในชํองวํางของเม็ดดินโดยน้้า จะเข๎าไปแทนที่ชํองวํางระหวํางเม็ดดิน ท้าให๎
แรงยึดเหนี่ยวระหวํางเม็ดดินลดน๎อยลง สํงผลให๎ชั้นดินมีก้าลังรับแรงเฉือนลดลง ถ๎าหากปริมาณน้้าใน
มวลดินเพิ่มขึ้นจนระดับน้้าในชั้นดินสูงขึ้นมาที่ระดับผิวดิน จะเกิดการไหลบนผิวดิน และกัดเซาะหน๎า
ดิน ท้าให๎ลาดดินเริ่มมีการเคลื่อนตัว และเกิดการถลํมในที่สุด ลักษณะภูมิอากาศของจังหวัดนําน ใน
ฤดูฝนจะได๎รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต๎ พัดพาเอาความชุํมชื้นมาสูํภูมิภาค ท้าให๎มีฝนตก
ชุกในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน มีปริมาณน้้าฝนเฉลี่ย 1,300 มิลลิเมตรตํอปี ในชํวง 10 ปี
(2543-2553) พบวํา ปริมาณน้้าฝนเฉลี่ยสูงสุดในเดือนกันยายน พ.ศ. 2545 เทํากับ 358.5 มิลลิเมตร
และมีจ้านวนวันที่ฝนตกมากที่สุดในปี 2551 จ้านวน 139 วัน และน๎อยที่สุดในปี 2546 จ้านวน 91 วัน
(ศูนย๑อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ, 2555)
3.1.5 สภาพสิ่งแวดล๎อม ที่มีป่าไม๎แตกตํางกันจะท้าให๎มีโอกาสเกิดดินถลํมแตกตํางกันด๎วย
ทั้งนี้พื้นที่ป่าธรรมชาติในบริเวณภูเขาสูงชัน พบวํา สํวนใหญํมีการบุกรุกท้าลายป่า และเปลี่ยนแปลง
การใช๎ประโยชน๑ที่ดินท้าการเกษตรในพื้นที่สูงหรือบริเวณเชิงเขา การตัดถนนผํานไหลํเขาสูงชัน การ
ตัดไหลํเขาเพื่อสร๎างบ๎านเรือนที่อยูํอาศัย หรือการปลูกสร๎างสิ่งกํอสร๎างกีดขวางทางน้้า เป็นต๎น
นอกจากนี้รูปแบบในการปลูกพืชก็มีผลตํอการเกิดดินถลํม โดยการปลูกพืชที่เป็นไม๎ยืนต๎นจะเกิดดิน
ถลํมได๎ยากกวําการท้าไรํ การปลูกพืชแบบผสมผสานจะเกิดดินถลํมได๎ยากกวําการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ใน