Page 137 - การวิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและคุณภาพที่ดินสำหรับการวางแผนการใช้ที่ดินระดับลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาลำเชิงไกร
P. 137
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
107
เป็นจ านวนมาก หากไม่มีการควบคุมหรือจัดสรรโซนนิ่งให้กับพื้นที่โรงงานคุณภาพน้ าผิวดินอาจเกิด
ผลกระทบ ในด้านการพัฒนาแหล่งน้ าเพื่อการเกษตรของกรมชลประทาน ซึ่งมีโครงการชลประทาน
ขนาดกลางจ านวน 3 โครงการ และโครงการขนาดเล็กอีก 76 โครงการ มีทั้งเป็นอ่างเก็บน้ า ฝาย และ
ท านบ นอกจากนี้กรมทรัพยากรน้ าบาดาล (2558) ยังได้ขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อใช้อุปโภคบริโภคเพื่อ
การเกษตร เพิ่มเติมในช่วงฤดูแล้ง แต่ต้องมีการชี้แจงให้กับเกษตรกรถึงคุณภาพน้ าที่ได้อาจมีรสชาด
กร่อย หรือหากขุดในความลึกที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายดินเค็มได้
4) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ าฝนของลุ่มน้ า
สาขาล าเชิงไกร เป็นพื้นที่ที่มีผลกระทบในเรื่องภูมิอากาศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปริมาณน้ าฝนที่ตกไม่
เพียงพอ จึงส่งผลต่อการท าการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ าล าเชิงไกร ฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือน
พฤษภาคม เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ าฝนน้อยกว่า 160 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้เกิดภาวะภัยแล้งช่วงฤดูฝน
ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ าฝนอยู่ระหว่าง 50-280 มิลลิเมตร
ปริมาณน้ าที่มีมากบวกกับการที่เป็นช่วงฤดูกาลที่มีฝนตกต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อการเกษตร
ท าให้เกิดน้ าท่วมขังได้ ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ มีปริมาณน้ าฝนน้อยกว่า
30 มิลลิเมตร เป็นช่วงที่มีการคายระเหยของน้ ามาก ส่งผลให้ปริมาณน้ าที่มีอยู่เริ่มลดปริมาณลงเรื่อยๆ
จึงต้องมีการวางแผนในการปลูกพืชโดยควรเลือกส่งเสริมการปลูกพืชที่ใช้ปริมาณน้ าน้อย จะส่งผลดีไม่
เสี่ยงต่อการขาดน้ าและลดต้นทุนการผลิตได้
5) การเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ที่ดิน สภาพการใช้ที่ดินลุ่มน้ าล าเชิงไกร ตั้งแต่ปี
2550 ถึงปี 2558 ระยะเวลา 8 ปีนั้นพบว่า พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุมชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งท า
ให้เห็นว่าเกษตรกรมีการขยายตัวของการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพื้นที่เกษตรกรรมและ พื้นที่อยู่อาศัยที่
มีเนื้อที่ เมื่อปี 2550 จ านวน 1,676,159 ไร่ มีการขยายตัวของการสร้างที่อยู่อาศัยและการเกษตร
เพิ่มขึ้นถึง 95,376 ไร่ ณ ปี พ.ศ. 2558 หรือคิดเป็นร้อยละของการเปลี่ยนแปลงเนื้อที่เดิม ร้อยละ
1.72 ซึ่งสวนทางกับพื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่เบ็ดเตล็ด ที่มีเนื้อที่ลดลงถึง 22,480 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ
ของการเปลี่ยนแปลงเนื้อที่เดิม ร้อยละ 18.96 ซึ่งข้อมูลการเปลี่ยนแปลงนี้ควรน าไปประกอบการ
ก าหนดเขตการใช้ที่ดิน เพื่อพิจารณาพื้นที่เสี่ยงต่อการบุกรุกและการขยายตัวโดยเฉพาะพื้นที่ป่า
สมบูรณ์ต่อไป
6) ประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในเขตพื้นที่น้ าฝน พบว่าผลผลิตข้าวนาปีของ
เกษตรกรลดลง จากที่เคยได้ผลผลิต 500 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ฤดูกาลปี 2558 ผลผลิตลดลงเหลือ
200-300 กิโลกรัมต่อไร่ ในพื้นที่ดินเค็มบางบริเวณของอ าเภอโนนไทย อ าเภอพระทองค า อ าเภอด่านขุนทด
นอกจากนี้ยังมีประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินอื่นๆ ที่เกษตรกรหันมาปลูกทดแทนพืชหลังนาที่ใช้
ปริมาณน้ าน้อย คือ มันส าปะหลัง ถึงแม้จะใช้ระยะเวลาเพียง 5 เดือน โดยเริ่มปลูกปลายเดือน
ธันวาคม เก็บเกี่ยวเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่เกษตรกรเลือกปลูกพืชชนิดนี้เนื่องจากเป็นพืชที่ทนสภาพ
แห้งแล้งได้ และใช้ปริมาณน้ าน้อย การดูแลรักษาง่าย แต่ผลผลิตที่ได้จะมีผลกระทบในเรื่องของ
เปอร์เซ็นต์แป้งของมันส าปะหลัง ไม่ตรงเกณฑ์มาตรฐาน จึงท าให้ราคามันส าปะหลังลดลงจากราคา
ท้องตลาดโดยทั่วไป แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นดินดอน และดินไร่ในลุ่มน้ าล าเชิงไกรก็มีพื้นที่ปลูก
มันส าปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อยโรงงาน พืชเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
ท าให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงเช่นกัน เมื่อปี พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2558 สภาพภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ลุ่มน้ า