Page 69 - การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อการสำรวจทรัพยากรดินในพื้นที่สูงบริเวณลุ่มน้ำสาขา น้ำแม่ต้า (ลุ่มน้ำยม)
P. 69
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
57
เมื่อจัดทําชั้นข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดครบแล้ว ทําการรวบรวม และปรับค่าพิกัดพื้นหลักฐานอ้างอิง
(datum) ให้อยู่ในระบบเดียวกัน คือ WGS84 รวมทั้งข้อมูลทุติยภูมิที่หน่วยงานต่างๆ ได้แก่ แผนที่สภาพภูมิประเทศ
แผนที่ธรณีวิทยา แผนที่สภาพการใช้ที่ดิน และแผนที่ขอบเขตลุ่มน้ํา ให้นําเข้าระบบ GIS ทั้งหมด เพื่อเตรียม
สําหรับการวิเคราะห์ต่อไป
1.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นและจัดทําแผนที่ต้นร่างด้วย GIS
1.2.1 นําชั้นข้อมูลสภาพพื้นที่เบื้องต้น ได้แก่ แผนที่ดิน มาตราส่วน 1:100,000 และ 1:25,000
แผนที่ธรณีวิทยา แผนที่ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลข ขอบเขตลุ่มน้ํา เส้นชั้นความสูง และความลาดชัน มาวิเคราะห์
ความสัมพันธ์ร่วมกับปัจจัยการกําเนิดดิน (soil forming factor) โดยใช้เทคนิคการซ้อนทับ (overlay)
ด้วยโปรแกรมระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (ภาพที่ 23) เพื่อให้ทราบถึงสภาพภูมิประเทศบริเวณพื้นที่ศึกษาและ
จัดทําเส้นขอบเขตดินต้นร่าง
(ก) แผนที่ชุดดิน มาตราส่วน 1:100,000 (ข) แผนที่กลุ่มชุดดิน มาตราส่วน 1:25,000
(ค) แผนที่ธรณีวิทยา มาตราส่วน 1:250,000 (ง) แผนที่ความลาดชัน (slope class)
ภาพที่ 23 ผลจากการซ้อนทับชั้นข้อมูลด้วยโปรแกรม GIS ได้แก่ แผนที่ชุดดินมาตราส่วน 1:100,000 (ก) และ
1:25,000 (ข) แผนที่ธรณีวิทยา (ค) และแผนที่ความลาดชัน (ง) บริเวณลุ่มน้ําสาขาน้ําแม่ต้า
1.2.2 จัดทําขอบเขตหน่วยแผนที่ต้นร่างโดยแปลภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลขร่วมกับข้อมูล
เส้นชั้นความสูง ข้อมูลความลาดชัน และชั้นข้อมูลต่างๆ ของพื้นที่ศึกษาที่ได้จากการวิเคราะห์ข้างต้น โดยใช้
วิธีการทางภูมิปฐพี (geopedological approach) พัฒนาโดย Zinck (1989) มีแนวทางการศึกษาโดยแบ่ง
พื้นที่ศึกษาออกตามภูมิทัศน์ (landscape) และทําการแบ่งย่อยแต่ละภูมิลักษณ์ (landform) ออกตามความต่าง
ของระดับพื้นที่ (relief) โดยให้สอดคล้องกับปัจจัยการกําเนิดดิน จากนั้นทําการนําเข้าข้อมูลเส้น (polyline)
โดยการดิจิไทซ์ (digitize) และกําหนดหน่วยแผนที่เบื้องต้นขึ้นใหม่ด้วยเครื่องมือของโปรแกรมระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตร์ (ภาพที่ 24)