Page 74 - การศึกษาวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากภาคใต้
P. 74
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
66
ของลุ่มน้ าใหญ่ไปลุ่มน้ าย่อย เพื่อกระจายข่าวที่ทันเหตุการณ์ และติดตั้งเครื่องรับวิทยุประจ าหมู่บ้าน
เพื่อรับฟังข่าวในสภาวะเตือนภัยและฉุกเฉิน
4.5.11 การปรับตัวในการเพาะปลูกข้าวโดยเน้นข้าวนาปรังเป็นหลักท าให้สามารถท าการเพาะปลูก
ได้ 2 ครั้งต่อปี ทั้งนี้การปลูกข้าวครั้งที่ 1 จะเริ่มหลังจากที่ปริมาณน้ าลดลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน/
ธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคม/เมษายน หลังจากนั้นจะท านาครั้งที่ 2 ทันที เป็นต้น
4.5.12 การปรับเปลี่ยนพื้นที่วิฤตน้ าท่วมซ้ าซากให้เป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อกิจกรรมการใช้ประโยชน์
เฉพาะอย่าง โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาดังกล่าวอาจพัฒนาเป็นพื้นที่ท าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ า
ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องเข้าไปพัฒนาระบบ ส่งเสริมและให้องค์ความรู้ในกิจกรรมใหม่ๆ ตลอดจนให้
ประชาชนหรือองค์กรในท้องถิ่นมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรด้วย
4.5.13 การจัดท าระบบอนุรักษ์ดินและน้ าในพื้นที่ต้นน้ า ซึ่งเป็นพื้นที่สูงเพื่อชะลอและเก็บกักน้ า
ลงในดิน ช่วยลดและบรรเทาการไหลบ่าของน้ าให้เกิดการไหลในปริมาณที่พอเหมาะจึงช่วยลดปริมาณน้ า
สะสมในที่ลุ่มหรือที่ต่ าได้ นอกจากนั้นยังเป็นการเก็บกักน้ าไว้ในฤดูแล้งและสร้างความชุ่มชื้นให้แก่พืชและ
พื้นที่ตอนบนอีกด้วย
4.6 มาตรการการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณพื นที่น ้าท่วมซ ้าซาก
4.6.1 พื้นที่น้ าท่วมซ้ าซากครั้งคราวโดยประสบน้ าท่วมขังไม่เกิน 3 ครั้งในรอบ 10 ปี และมีความเสี่ยงสูง
ต่อการลงทุนพัฒนาทางการเกษตรเนื่องจากพื้นที่มีสภาพเป็นที่ราบเรียบถึงเกือบราบเรียบ มีน้ าท่วมขัง
ประมาณ 5-10 วันในรอบปี ดังนั้นมาตรการในการจัดการพื้นที่ดังกล่าวจึงควรมีการศึกษาการเกิดน้ าท่วม
ช่วงของการเกิดน้ าท่วม และปริมาณการเกิดน้ าท่วมในแต่ละครั้ง เพื่อก าหนดรูปแบบ เลี่ยงการปลูกข้าว
ในเดือนที่จะเกิดน้ าท่วม ช่วงการเพาะปลูกและระบบการเพาะปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และ
ช่วงเวลาการเกิดน้ าท่วมเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (สุชาติและเกษร0 ,548) เช่น การเปลี่ยนมา
ใช้พันธุ์ข้าวที่ทนต่อน้ าท่วม การใช้พันธุ์ข้าวอายุสั้นในการท านาครั้งที่ 2 การใช้พันธุ์ข้าวอายุยาวเพื่อ
ปลูกคร่อมในช่วงน้ าท่วม การใช้พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตมากในช่วงการท านาครั้งที่ 1 การเลื่อนปลูกข้าวนาปี
ให้เร็วขึ้น การเปลี่ยนมาท านาด าเนื่องจากต้นข้าวจะมีล าต้นที่สูงกว่าการท านาหว่าน รวมถึงการเปลี่ยน
มาปลูกพืชอย่างอื่น เกษตรกรควรมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพพื้นการเกิดน้ าท่วม เช่น มีการ
ปรับเปลี่ยนระบบการผลิตหลักจากเดิมที่เคยใช้ที่ดินเพื่อท านาอย่างเดียวมาเป็นการผลิตอย่างอื่นด้วย
โดยเฉพาะการท าไร่นาสวนผสม
4.6.2 พื้นที่น้ าท่วมซ้ าซากบ่อยครั้ง โดยประสบน้ าท่วมขัง 4-7 ครั้งในรอบ 10 ปี และเสี่ยงปานกลาง
ต่อการลงทุนพัฒนาทางการเกษตร เนื่องจากพื้นที่มีสภาพราบเรียบเกือบราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ
มีน้ าแช่ขังประมาณ 15-30 วันในรอบปี บางปีท่วมถึง 2 ครั้ง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเสี่ยงต่อการลงทุนใน
การพัฒนาการเกษตรปานกลาง ดังนั้นจึงควรเร่งพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวโดยก าหนดรูปแบบและระบบการ
เพาะปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่เช่นกัน การเปลี่ยนมาใช้พันธุ์ข้าวที่ทนต่อน้ าท่วม การใช้พันธุ์ข้าว
อายุสั้นในการท านาครั้งที่ 2 การใช้พันธุ์ข้าวอายุยาวเพื่อปลูกคร่อมในช่วงน้ าท่วม การใช้พันธุ์ข้าวที่ให้
ผลผลิตมากในช่วงการท านาครั้งที่ 1 การเลื่อนปลูกข้าวนาปีให้เร็วขึ้น การเปลี่ยนมาท านาด าเนื่องจาก
ต้นข้าวจะมีล าต้นที่สูงกว่าการท านาหว่าน รวมถึงการเปลี่ยนมาปลูกพืชอย่างอื่นเพื่อเป็นรายได้ พืชบางชนิด
สามารถเอาตัวรอดได้หากมีรากแก้ว และระบบรากพอจะมีออกซิเจนเหลือให้หายใจได้ เนื่องจากน้ า
อาจซึมผ่านชั้นดินไปไม่ถึง ดังนั้นรากของต้นไม้ชนิดต่างๆ หากมีระบบรากไม่ลึกมากส่วนใหญ่ก็จะตาย