Page 165 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 165
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
154
สําหรับการบํารุงดินแบบผสมผสานมีหลักการปฏิบัติ ดังนี้
1) ปรับปรุงดินทางเคมีด้วยสารปรับปรุงดิน เช่นใส่ปูนในดินกรด เพื่อปรับพีเอชให้ใกล้กลาง ซึ่งจะ
ช่วยให้ธาตุอาหารเดิมในดินและปุ๋ยที่ใช้มีความเป็นประโยชน์สูง
2) ปรับปรุงสมบัติทางฟิสิกส์ ด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับการไถพรวนที่เหมาะสม เพื่อเอื้ออ่านวยให้
รากพืชแผ่ขยายได้ดีทั้งแนวราบและแนวดิ่ง
3) มีการอนุรักษ์ดินและน้่าอย่างเหมาะสม ด้วยวิธีการทางพืช เช่นใช้ระบบการปลูกพืชหมุนเวียน
และปลูกพืชคลุมดิน ร่วมกับวิธีการเชิงกล เช่นการไถพรวนตามแนวระดับ และใช้มาตรการอื่นๆตามความจ่า
เป็น เพื่อลดการสูญเสียดินและน้่า
4) ใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเสริมธาตุอาหารบางธาตุที่ยังไม่เพียงพอ ช่วยให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง เหมาะ
กับความต้องการของพืชที่ปลูก
5) ใช้ปุ๋ยชีวภาพ เพื่อให้จุลินทรีย์เหล่านั้นเพิ่มปริมาณธาตุอาหาร หรือเปลี่ยนรูปของธาตุอาหารที่ไม่
เป็นประโยชน์ให้เป็นประโยชน์ต่อพืช ซึ่งจะช่วยลดอัตราปุ๋ยหรืองดการใช้ปุ๋ยเคมีที่ให้บางธาตุ
3. การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อเป็นแนวทางการใช้ปุ๋ย
การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน หมายถึง การตรวจสอบว่าดินมีระดับความอุดมสมบูรณ์ สูง
ปาน หรือต่่า เพื่อใช้ส่าหรับปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยอาศัยหลักการประเมิน 3 วิธี คือ การสังเกตอาการ
ผิดปกติของพืช การวิเคราะห์ดินและการวิเคราะห์พืช (Jones, 2001) ในบทนี้จะกล่าวเฉพาะการวิเคราะห์ดิน
เพื่อเป็นแนวทางการใช้ปุ๋ยในการบ่ารุงดินแบบผสมผสาน ซึ่งการวิเคราะห์ดินทางเคมีเพื่อประเมินความอุดม
สมบูรณ์ของดินมีขั้นตอน ดังนี้
ท่าการเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่ เวลาที่เหมาะสมแก่การเก็บตัวอย่างดิน คือ หลังเก็บผลผลิตพืชหรือ
ในระยะต้นของฤดูกาลของการผลิตพืช พื้นที่ 5 – 10 ไร่ ควรเก็บตัวอย่างดินอย่างน้อย 5 – 10 หลุม
กระจายให้ทั่วพื้นที่ ความลึกของดินที่เก็บประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วใส่ถังพลาสติกที่สะอาดปราศจาก
ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมี หลังจากเก็บทุกหลุมแล้วท่าการคลุกเคล้าให้เข้ากันดี เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของดินใน
พื้นที่นั้นๆ แล้วเก็บตัวอย่างดินใส่ถุงพลาสติกน้่าหนักประมาณ 1 กิโลกรัม เขียนชื่อสถานที่เก็บตัวอย่างและ
มัดปากถุงให้แน่นก่อนส่งไปวิเคราะห์ โดยสามารถส่งตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ได้ที่หน่วยงานในสังกัดกรม
พัฒนาที่ดิน หน่วยงานในสังกัดกรมวิชาการเกษตร ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้หรือจังหวัดใกล้เคียง (กรมวิชาการเกษตร
, 2552)
จากผลวิเคราะห์ดิน ได้แก่ ปริมาณอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ สามารถ
น่าผลไปประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ปุ๋ยธาตุอาหารหลักเฉพาะพืช
โดยปรกติดินที่มีอินทรียวัตถุสูงกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์ นอกจากจะปลดปล่อยไนโตรเจนรูปที่เป็นประโยชน์ได้
ค่อนข้างมากแล้ว ยังมีศักยภาพในการให้ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุรอง และจุลธาตุรูปที่เป็นประโยชน์ด้
ค่อนข้างดีด้วย ซึ่งหลายธาตุมีแนวโน้มที่จะเพียงพอส่าหรับพืช หากใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเสริมบางธาตุก็ใช้ในอัตรา
ต่่า (ยงยุทธและคณะ, 2551) ส่าหรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างซึ่งความหมายแสดงไว้ในตารางที่ 9.4 ซึ่งค่าที่