Page 49 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 49
- 42 -
สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ (level to nearly level) มีความลาดชัน 0-2
เปอร์เซ็นต์ มีความเหมาะสมในการปลูกพืชทุกประเภท เนื่องจากมีการกร่อนสูญเสียหน้าดินน้อยมากหรือไม่มี
เลย สําหรับพืชที่ต้องการน้ํามากและให้มีน้ําแช่ขังนานอย่างสม่ําเสมอตลอดทั้งพื้นที่ การปรับสภาพพื้นที่ให้
ราบเรียบจึงจําเป็นอย่างยิ่ง เช่น ใช้ปลูกข้าว ก็อาจทําคันนาเป็นช่วงๆ เพื่อช่วยในการกักเก็บน้ําและให้มีน้ําท่วม
ขังสม่ําเสมอ
สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย (slightly undulating) มีความลาดชัน 2-5
เปอร์เซ็นต์ มีความเหมาะสมในการปลูกพืชทุกประเภท ยกเว้นใช้ปลูกข้าว เนื่องจากข้าวต้องการน้ํามากและให้
มีน้ําแช่ขังนานอย่างสม่ําเสมอตลอดทั้งแปลงปลูก สําหรับการปลูกพืชผักหรือพืชไร่ ควรมีการอนุรักษ์ดินและน้ํา
เช่น ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชขวางความลาดเทหรือปลูกพืชสลับ ทั้งนี้ เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและชะลอ
ความเร็วของน้ําที่ไหลผ่านผิวดินและยังช่วยป้องกันการกร่อนสูญเสียหน้าดินได้อีกด้วย
สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด (undulating) มีความลาดชัน 5-12 เปอร์เซ็นต์ มีความ
เหมาะสมต่อการปลูกพืชทุกประเภท ยกเว้นใช้ปลูกข้าว นอกจากนี้ควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ําที่
เหมาะสม เช่น การทําคันดินกั้นน้ํา ทําขั้นบันไดและปลูกพืชตามแนวระดับขวางความลาดชันของพื้นที่ เพื่อช่วย
ชะลอความเร็วของน้ําที่ไหลบ่าผ่านผิวดิน ทําให้ลดการกร่อนและทําให้น้ําซึมผ่านลงไปในดินชั้นล่างได้มากขึ้น
ทําให้ความชื้นในดินมากขึ้น นอกจากนี้ ควรปลูกพืชคลุมดินเพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินไว้และยังช่วยลดการ
กร่อนได้อีกด้วย การทําทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ถาวรโดยปล่อยสัตว์เข้าไปแทะเล็มหญ้าในแปลงปลูกควรจะจํากัด
ปริมาณสัตว์ เพื่อลดการเหยียบย่ํา ทําลายพื้นผิวดินและก่อให้เกิดการชะล้างพังทลายสูญเสียหน้าดินมากขึ้น
สภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน (rolling) มีความลาดชัน 12-20 เปอร์เซ็นต์ มีความเหมาะสม
ในการปลูกพืชหลายชนิด แต่ก็ไม่ค่อยเหมาะสมต่อการปลูกพืชบางชนิด เช่น พืชไร่หรือพืชผัก เนื่องจากพืชที่
ปลูกจะได้รับความเสียหายจากการกร่อนและขาดแคลนน้ํา ในระดับปานกลางถึงรุนแรง การใช้ประโยชน์ในพื้น
ที่ดินบริเวณนี้จําเป็นต้องมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ํา เช่น การทําขั้นบันไดดิน (bench terrace) คูรับน้ําขอบ
เขา (hill side ditch) หรือปลูกพืชขวางตามแนวระดับร่วมกับการปลูกพืชคลุมดิน ทําทางระบายน้ําและบ่อตัก
ตะกอน เป็นต้น การทําทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ถาวรควรมีการจํากัดจํานวนสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้าไปแทะเล็มหญ้าในแปลง
ปลูกมากเกินไปและควรให้หญ้ามีระยะพักตัว
สภาพพื้นที่เนินเขา (hilly) มีความลาดชัน 20-35 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ค่อยเหมาะสมในการ
ปลูกพืชเกือบทุกประเภท เนื่องจากมีการกร่อนรุนแรงมาก การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณนี้จะต้องมีความ
ระมัดระวัง และมีมาตรการในการอนุรักษ์ดินและน้ําเป็นพิเศษ โดยการทําขั้นบันไดดิน คูรับน้ําขอบเขา ปลูกพืช
เฉพาะหลุมร่วมกับการปลูกพืชคลุมดิน ทําทางระบายน้ําและบ่อดักตะกอนเป็นต้น สําหรับการทําทุ่งหญ้าเลี้ยง
สัตว์ ควรจํากัดจํานวนสัตว์เลี้ยงและไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงเข้าไปแทะเล็มหญ้าในแปลงปลูกเป็นระยะเวลานาน
ติดต่อกัน ควรมีการบํารุงจนกว่าทุ่งหญ้าจะสมบูรณ์จึงจะปล่อยสัตว์เลี้ยงเข้าไปแทะเล็มใหม่
พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อนหรือพื้นที่ลาดชันสูง (slope complex or steep slope) มีความ
ลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่นี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีการสํารวจและจําแนกดิน ไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช
ทุกชนิด เนื่องจากมีอัตราการกร่อนสูงมาก การจัดการดูแลรักษาลําบาก ทําให้เกิดการชะล้างพังทลายรุนแรง
มาก แต่ถ้ามีความจําเป็นต้องนําพื้นที่นี้มาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร มีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
พิจารณาถึงชนิดพืชที่จะปลูกร่วมกับลักษณะของดินภายใต้การจัดการอนุรักษ์ดินและน้ําเป็นพิเศษหรือทําใน
ระบบวนเกษตร สภาพพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อนหรือพื้นที่ลาดชันสูง สามารถแบ่งย่อยออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

