Page 121 - การประเมินคุณภาพดินเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ ทางการเกษตรที่มีอัตราการชะล้างพังทลายสูงโดยใช้เทคนิคนิวเคลียร์ จังหวัดกาญจนบุรี Assessing soil quality and enhance crop productivity through agriculture management using nuclear techniques in the area of erosion in Kanchanaburi province.
P. 121
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
106
สรุปผลและขอเสนอแนะ
การประเมินความอุดมสมบูรณของดิน (Soil fertility assessment) โดยใชสมบัติทางเคมีของดินเพื่อ
ตรวจสอบคุณภาพดิน (Soil quality) และประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Land use efficiency in
agriculture) และการประเมินการชะลางพังทลายของดิน (Soil erosion assessment) โดยใชเทคนิคนิวเคลียร
ไอโซโทป ในการวัดอัตราการเคลื่อนยายของดิน (Soil redistribution rates : SRD) โดยใชนิวไคลดกัมมันตรังสี
210
ของธาตุตะกั่ว 210 ( Pbex inventories) ซึ่งไดทําการศึกษา ณ ตําบลปลังเผล อําเภอสังขละบุรี จังหวัด
กาญจนบุรี
ปจจัยที่ตองการศึกษา ประกอบดวย 1) ปจจัยดานพื้นที่ จํานวน 3 แหลง คือ (1) พื้นที่เพาะปลูกพืช
ทั่วไปที่ไมมีการวางแผนการจัดการดินที่เหมาสมใด ๆ มีการปลูกขาวโพดหมุนเวียนกับสัปปะรด โดยปลอยหนาดิน
ใหโลงในชวงฤดูรอน (2) พื้นที่ปายางพาราที่ไมมีการรบกวนหนาดิน ซึ่งตนยางพาราโดยสวนใหญจะอยูในชวงอายุ
ประมาณ 5 ถึง 10 ป เปนตนไป ในขณะที่พื้นที่โดยรอบเปนปาสลับกับพื้นที่แหลงน้ํา และ พื้นที่เพาะปลูกพืชที่มี
การจัดระบบอนุรักษดินและน้ําโดยกรมพัฒนาที่ดิน มีการปลูกพืชแบบหมุนเวียนและแบบผสมผสาน ไดแก
ขาวโพด มันสําปะหลัง เผือก กลอย หรือขมิ้นชัน เปนตน 2) ปจจัยดานความลาดชัน แบงเปน 5 ประเภท เรียง
จากบริเวณที่อยูต่ําสุดไปถึงสูงสุดที่ทําการศึกษา คือ Toeslope, Footslope, Backslope, Shoulder, และ
Summit และ 3) ปจจัยดาน0ระดับความลึกของดิน ประกอบดวย 0-10 เซนติเมตร 10-20 เซนติเมตร และ 20-
30 เซนติเมตร โดยจะเก็บตัวอยางดินทั้งสิ้น 3 ซ้ํา (เรียงซาย กลาง ขวา ขวางความลาดเท ใหคลอบคลุมพื้นที่
ศึกษา) และทําการเก็บตัวอยางดินใน 3 ชวงเวลา คือ การเก็บขอมูลครั้งที่ 1 (เดือนเมษายน) การเก็บขอมูลครั้งที่
2 (เดือนมิถุนายน) และการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) เพราะฉะนั้น ผลการศึกษาจึงสามารถสรุปได ดังนี้
210
1) ชวงเวลาการเก็บตัวอยางดิน มีผลตอการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ pH EC OM P K Mg Ca Pbex
และ SRD โดยเปนผลมาจากความแตกตางกันในดานการจัดการดินของเกษตรกรในพื้นที่ศึกษาทั้งสามแหลง และ
ปริมาณน้ําฝนที่แตกตางกันในแตละเดือน
2) พื้นที่เพาะปลูกพืชที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา มีปริมาณ pH EC OM K Mg และ Ca โดย
เฉลี่ยในภาพรวม ที่สูงกวาพื้นที่ศึกษาอื่น ๆ โดยสามารถชะลอการสูญเสียปริมาณธาตุอาหารดังกลาว แมวาจะมี
ปริมาณน้ําฝนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแตละชวงเวลาที่เก็บขอมูล
3) ปริมาณ P ในพื้นที่เพาะปลูกพืชทั่วไปและพื้นที่ปายางพารา พบวา มีปริมาณโดยเฉลี่ยสูงกวาพื้นที่
เพาะปลูกพืชที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา อีกทั้งในการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) พบวามีการ
สูญเสียออกไปจากชั้นหนาตัดดินมากที่สุด ซึ่งเกิดจากการใสปุยของเกษตรกรและเขาสูชวงฤดูกาลที่มีปริมาณฝน
เพิ่มขึ้น
4) ปจจัยดานความลาดชัน มีผลตอการเปลี่ยนแปลงของปริมาณ EC OM และ P โดยเฉพาะเมื่อมี
ปริมาณน้ําฝนเพิ่มขึ้น สงผลใหมีการชะลางพัดพาความอุดมสมบูรณไหลลงสูที่ต่ํา กลาวคือ พบการสะสมของ
ปริมาณดังกลาวโดยเฉลี่ยมากที่สุด ณ บริเวณพื้นที่ต่ําที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกทั่วไปที่มีความแตกตางกัน
ของปริมาณ EC OM และ P มากที่สุด ยกเวนพื้นที่ปายางพาราและพื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ ที่สามารถชะลอการ
สูญเสียปริมาณ OM ไวไดบาง ตั้งแตเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม
5) ปจจัยดานระดับความลึกของดิน พบวา ปริมาณของ EC OM K Mg Ca มีความแตกตางกันในแตละ
ระดับความลึก กลาวคือ พบคาเฉลี่ยของปริมาณดังกลาวในระดับชั้นดินบนมีสูงกวาปริมาณที่พบในระดับชั้นดิน
ลาง เกิดจากการจัดการดินของเกษตรกร เชน การใสปุย และการเขตกรรม เปนตน แตเมื่อมีปริมาณน้ําฝนเพิ่มขึ้น
กลับพบวาปริมาณ EC OM K Mg Ca ที่อยูในระดับชั้นดินลางมีมากกวาหรือเทียบเทาปริมาณที่อยูบริเวณผิวหนา
ดิน โดยเฉพาะพื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ ซึ่งเกิดจากการชะลางพัดพาธาตุอาหารดังกลาวในแนวลึกตามชั้นหนาตัด
ดิน มากวาการชะลางพัดพาในแนวราบขนานกับผิวหนาดิน