Page 116 - การประเมินคุณภาพดินเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ ทางการเกษตรที่มีอัตราการชะล้างพังทลายสูงโดยใช้เทคนิคนิวเคลียร์ จังหวัดกาญจนบุรี Assessing soil quality and enhance crop productivity through agriculture management using nuclear techniques in the area of erosion in Kanchanaburi province.
P. 116
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
101
ผลการศึกษาการชะลางพังทลายของดินหรือการสูญเสียหนาดิน (Soil erosion) และการทับถมของ
ตะกอนดิน (Soil deposition) หรือที่เรียกรวมกันวาการเคลื่อนยายของดิน (Soil redistribution) ในพื้นที่แนบ
ราบหรือแนวขวางพื้นที่ตามสภาพภูมิประเทศ โดยใชเทคนิคนิวเคลียรไอโซโทป ซึ่งไดเลือกนิวไคลดกัมมันตรังสี
210
ของธาตุตะกั่ว 210 ( Pbex) เปนตัวแปรหลักในการประเมิน โดยสามารถวิจารณผลการศึกษาได ดังนี้
อัตราการเคลื่อนยายของดินสุทธิ มีความแตกตางกันในปจจัยดานชวงระยะเวลาของการเก็บขอมูล
ปจจัยดานพื้นที่ศึกษา และปจจัยดานประเภทของความลาดชัน (ตารางที่ 36) กลาวคือ เมื่อเปรียบเทียบระหวาง
ชวงระยะเวลาของการเก็บขอมูลทั้งสามครั้ง พื้นที่ปลูกพืชทั่วไป มีอัตราการชะลางพังทลายของดินใสสัดสวนที่
มากกวาการทับถมของตะกอนดิน โดยเฉพาะในการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (เดือนมิถุนายน) และการเก็บขอมูลครั้งที่
3 (เดือนสิงหาคม) มีคาเฉลี่ย SRD เทากับ -3.665 และ -1.830 t/ha/yr ตามลําดับ ในขณะที่การเก็บขอมูลครั้งที่
1 (เดือนเมษายน) มีอัตราการทับถมของตะกอนดินอยูในสัดสวนที่มากกวา มีคาเฉลี่ย SRD เทากับ 0.502
t/ha/yr (ตารางที่ 36) จากขอมูลขางตน อาจสันนิษฐานไดวา ปริมาณน้ําฝนและการจัดการดินมีผลตออัตราการ
เคลื่อนยายของดิน โดยจะสังเกตวา เมื่อมีเขาสูฤดูฝน จะมีการอัตราเคลื่อนยายของดินในเชิงลบ (การชะลาง
พังทลายของดิน) มากที่สุด และเมื่อสังเกตไปที่พื้นที่ศึกษาอื่น ๆ ที่มีการจัดการดินเพื่อการอนุรักษดินและน้ํา
และการปกคลุมหนาดินดวยพืช จะมีอัตราสวนของการเคลื่อนยายของดินในเชิงบวก (การทับถมของตะกอนดิน)
มากกวา กลาวคือ พื้นที่ปายางพารา มีคา SRD โดยเฉลี่ย เทากับ 1.839 -0.131 และ 2.992 t/ha/yr ในการ
เก็บขอมูลครั้งที่ 1 (เดือนเมษายน) การเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (มิถุนายน) และการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (สิงหาคม)
ตามลําดับ เชนเดียวกับพื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ ที่มีอัตราสวนของการทับถมของดินมากกวา โดยมีคาเฉลี่ย SRD
เทากับ 1.563 4.670 8.648 t/ha/yr ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 1 (เดือนเมษายน) การเก็บขอมูลครั้งที่ 2
(มิถุนายน) และการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (สิงหาคม) ตามลําดับ :โดยพื้นที่จัดระบบอนุรักษ จัดเปนพื้นที่ที่มีการ
สะสมของตะกอนดินที่ไหลมารวมกันจากบริเวณอื่นมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ศึกษาทั้งหมด ดังที่แสดง
ในภาพที่ 37 ที่มีอัตราการเคลื่อนยายของดินในเชิงบวกอยางตอเนื่องตั้งแตเดือนเมษายน ถึง เดือนสิงหาคม โดย
ที่พื้นที่ปลูกพืชทั่วไป และพื้นที่ปายางพารา มีแนวโนมที่คลายคลึกกัน คือมีการการสูญเสียตะกอนดินในเดือน
มิถุนายนและจึงมีการทับถมของตะกอนดินในเดือนสิงหาคม
สําหรับปจจัยดานประเภทของความลาดชัน ที่มีผลตออัตราการเคลื่อนยายของดิน สามารถวิจารณ
ผลได ดังนี้ พื้นที่ปลูกพืชทั่วไป (ภาพที่ 38 ก) มีแนวโนมของการชะลางพังทลายของดินจากบริเวณที่สูงกวาแลว
จึงเกิดการทับถมของตะกอนของดินในบริเวณพื้นที่ต่ํากวา กลาวคือ ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 1 (เดือนเมษายน)
และการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) มีอัตราการเคลื่อนยายของดินในเชิงลบ ณ บริเวณ Summit และ
Shoulder ในขณะเดียวกันก็มีอัตราการเคลื่อนยายของดินในเชิงบวก ณ บริเวณ Toeslope และ Footslope
ยกเวนการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (เดือนมิถุนายน) ที่มีแนวโนมในทางตรงดันขาม ซึ่งอาจเกิดจาก การเริ่มเขาสูชวงฤดู
ฝนในเดือนมิถุนายน และเพิ่งเริ่มมีปริมาณน้ําฝนตั้งแตเดือนมิถุนายนเปนตนไป สําหรับพื้นที่ปายางพารา ที่มี
แนวโนมการเคลื่อนยายของดินที่คอนคอนคงที่ โดยมีสัดสวนของการทับถมของตะกอนดินที่มากกวาพื้นที่ปลูก
พืชทั่วไป โดยในการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (เดือนมิถุนายน) พบการชะลางของดินในพื้นที่สวนใหญแตมีอัตราเพียง
เล็กนอย แตอยางไรก็ตาม ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม) มีการสะสมตัวของตะกอนดินในพื้นที่เหนือ
ขึ้นไป ณ บริเวณ Submit และ Shoulder ซึ่งคาดวานาจะเกิดจากการเคลื่อนยายของตะกอนดินมาจากพื้นที่
เหนือขึ้นไปอีก อันเนื่องมาจากปจจัยดานปริมาณน้ําฝนในเดือนสิงหาคม แตดวยพื้นผิวหนาที่มีสิ่งปกคลุม ไดแก
ไมยางพารา ไมยืนตน และเศษใบไมตาง ๆ ทําใหมีการชะลอการเคลื่อนยายของดินใหอยู ณ บริเวณเหนือขึ้นไป
เทานั้น (ภาพที่ 38 ข) ในขณะที่อัตราการเคลื่อนยายของดินในพื้นที่จัดระบบอนุรักษฯ มีปริมาณการทับถมของ
ตะกอนดินที่สูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ศึกษาอื่น ๆ แมวาขอมูลจากการเก็บตัวอยางดินในเดือนเมษายน มี
การชะลางพังทลายของดิน ณ บริเวณตอนกลางของพื้นที่ และมีการทับถมของตะกอนที่สูงที่สุด บริเวณ
Toeslope ซึ่งเปนพื้นที่ที่ต่ําที่สุด แตอยางไรก็ตาม ในการเก็บขอมูลครั้งที่ 2 (เดือนมิถุนายน) และการเก็บขอมูล