Page 76 - การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
P. 76
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
66
หน่วยตรวจรับรองแล้ว ควรจะพิจารณาให้เป็นผู้ประสานงานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ PGS หรือคัดเลือก
ให้เป็นผู้ตรวจประเมินฟาร์มของกลุ่มฯ
1.2 การฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อ
การผ่านการรับรองมาตรฐานแบบมีส่วนร่วม แม้จะมีอิทธิพลในระดับต่ า แต่ผลการศึกษาก็แสดงให้
เห็นว่าเกษตรกรในกลุ่มที่ได้เข้าร่วมอบรมมีจ านวนผู้ที่ผ่านการรับรอง PGS มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เข้า
ร่วมอบรม ดังนั้นการจัดฝึกอบรมหลักสูตรด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์จึงมีความจ าเป็นที่จะต้อง
ด าเนินการต่อไป โดยให้ความส าคัญกับการพัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อ
ผู้เข้ารับการอบรมมากที่สุด
1.3 ระยะเวลาในการท าเกษตรอินทรีย์และการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้ง
ภาครัฐและเอกชนมีผลต่อการผ่านการรับรอง PGS ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปจนสามารถผ่าน
การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ได้ในที่สุด กรมพัฒนาที่ดินควรจัดท าโครงการสนับสนุนกลุ่ม
เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเกษตรอินทรีย์เป็นประจ าต่อเนื่องทุกปี โดยให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ไม่น้อยกว่า 3 ปี ทั้งนี้ต้องพิจารณากลุ่มเกษตรกรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความตั้งใจจริงในการ
ผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์
2. ท าให้เชื่อมั่นว่าการส่งเสริมให้เกษตรกรท าการผลิตเกษตรอินทรีย์ด้วยระบบการรับรอง
แบบมีส่วนร่วม (PGS) ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการ
เกษตร และขายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ได้ในราคาที่สูงกว่าเดิม ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
3. กลุ่มเกษตรกรมีโอกาสเข้าสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โดยมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
จากเดิมที่จ าเป็นต้องขอการรับรองจากหน่วยตรวจรับรองภายนอกเท่านั้น (Third Party) แต่ปัจจุบัน
กลุ่มเกษตรกรสามารถเข้าสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ได้ โดยการใช้กระบวนการรับรอง
แบบมีส่วนร่วม (PGS) ซึ่งเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับบริบทของกลุ่มเกษตรกรในแต่ละ
ท้องถิ่น เสียค่าใช้จ่ายน้อย และยังช่วยเสริมสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มั่นคงและยั่งยืน