Page 85 - เปรียบเทียบพันธุ์หญ้าแฝกและพืชคลุมดินต่อการฟื้นฟูและการปรับปรุงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน
P. 85
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
57
หญาแฝกนอกจากมีลิกนินแลวยังมีพวกเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส เปนองคประกอบที่สําคัญ จากวัดการสั่นของ
โมเลกุลภายในหญาแฝกเมื่อกระทบกับแสงผานอินฟราเรดหญาแฝกมีเซลลูโลสเปนองคประกอบที่ชัดเจนขึ้น
(วิมลรัตน, 2561) ทําใหใบหญาแฝกเหมาะสมตอการคลุมดินเพื่อรักษาสภาพความชื้นในดินไดดี นอกจากนี้
ปริมาณน้ําในดิน หรือความชื้นในดินที่เหมาะสมจะสงผลตอกิจกรรมของจุลินทรียทําใหเกิดการยอยสลายไดเร็ว
ยิ่งขึ้น และปริมาณความชื้นในดินจะมีความสัมพันธทางลบกับความหนาแนนรวมของดิน (r =-0.70**) สอดคลอง
กับปรินทร และคณะ, 2561 รายงานวาปริมาณน้ําฝนและความชื้นในดินมีผลตอการยอยสลายเศษซากพืชสูง
เนื่องจากเกิดการผุพังและการชะลางเศษซากใบยางพารา โดยความชื้นในดินมีความสัมพันธกับการยอยสลาย
ของใบยางพารา ซึ่งการยอยสลายของเศษซากพืชเกิดจากจุลินทรียและสิ่งมีชีวิตในดินเพิ่มขึ้นเกิดการ
หมุนเวียนธาตุอาหารในดินเพื่อฟนฟูดานความอุดมสมบูรณของดิน ถาโครงสรางของดินมีความเสถียรจะชวย
เพิ่มการซาบซึมน้ําของดิน นอกจากนี้อินทรียวัตถุยังสามารถอุมน้ําไดสูงถึง 20 เทาของน้ําหนักตัว จึงชวยในการ
เก็บกักน้ําไดมาก (Magdoff and Weil, 2004 อางใน วรรธนัย, 2552) ถนอม และปนเพชร (2550) รายงาน
วาการอัดตัวของดินในชุดดินหางดง ชุดดินสันทราย และชุดดินสันปาตอง การอัดตัวของดินจะวัดจากคาแรง
ตานของดินจะบงบอกถึงโครงสรางของดิน ปริมาณอินทรียวัตถุ ความชื้น และความหนาแนนรวมของดิน โดย
ปริมาณความชื้นดินมีความสัมพันธเชิงลบกับความหนาแนนรวมของดิน ซึ่งถามีกิจกรรมทําใหอัดตัวของดินมาก
ความหนาแนนรวมของดินก็จะสูง สงผลใหปริมาณความชื้นในดินต่ํา ประกอบกับดินที่ใชในการศึกษาเปนดินที่
มีเนื้อละเอียดยิ่งสงผลใหสามารถรักษาความชื้นไวในดินไดสูงกวาดินทั่วไปดวย น้ําหนักใบของพืชคลุมดินมี
ความสัมพันธกับความปริมาณความชื้นในดินทางลบ (r=-0.92) เนื่องจากพืชคลุมดินมีปริมาณน้ําหนักใบนอย
และพืชคลุมดินทั้ง 2 ชนิด ไมมีการไถกลบ นอกจากนี้เศษซากของพืชที่คลุมดินที่รวงหลนลงดินอาจไมเพียงพอ
ในการทํากิจกรรมของสิ่งมีชีวิต จึงไมมีผลตอโครงสรางของดิน และความอุดมสมบูรณของดิน
3.3 ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน
จากผลการศึกษาปริมาณอินทรียวัตถุในดินมีความสัมพันธกับมวลชีวภาพน้ําหนักรากของหญาแฝก
ในทางบวก (r = 0.61**) ผลนี้สะทอนใหเห็นวา มวลชีวภาพใบมีปริมาณมากขึ้นมีการทับถมบนผิวดิน และเกิด
การยอยสลายผานกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตในดินภายใตสภาพแวดลอมและปจจัยที่เหมาะสมเกี่ยวกับอากาศในดิน
ความชื้นในดิน อุณหภูมิของดิน และความเปนกรดเปนดางของดิน สวนปริมาณอินทรียวัตถุมีความสัมพันธกับ
น้ําหนักใบหญาแฝก (r = 0.46**) มวลชีวภาพรากของหญาแฝกที่แกเกิดการยอยสลายเนาเปอยผุผัง สงเสริม
ชวยทําใหโครงสรางดินรวนซุยขึ้น ทําใหปริมาณอินทรียวัตถุในดินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ปริมาณอินทรียวัตถุในดินที่
เพิ่มขึ้นอยูองคประกอบทางเคมีของมวลชีวภาพชนิดพืชที่มีผลตอการสลายตัวใหอินทรียวัตถุสูดิน ซึ่งใบหญา
แฝกมีองคประกอบเยื่อใยลิกนิน เซลลูโลส และเฮมิเซลลูโลสสูง คือพันธุสงขลา 3 พันธุศรีลังกา พันธุสุราษฎรธานี
พันธุประจวบคีรีขันธ พันธุนครสวรรค (วารุณี, มปป.) จึงเกิดการยอยสลายชาจึงเหลือตกคางในดินกลายเปน
อินทรียวัตถุ อยางไรก็ตามหญาแฝกพันธุราชบุรีใหมวลชีวภาพใบและรากมากแตอาจมีองคประกอบของ
เซลลูโลสนอย และมีองค ประกอบในผนังเซลลของพืชที่ยอยงายเชนเฮมิเซลลูโลสที่เปนคารโบไฮเดรตทําใหเกิด
การยอยสลายเร็วสงผลใหอินทรียวัตถุนอย อรรณพ และคณะ (2555) รายงานวาการสะสมของอินทรียวัตถุใน
ดินโดยประเมินจากปริมาณอินทรียคารบอนในดินมีสหสัมพันธในทางบวกกับปริมาณคารบอน (r= 0.629*) ใน
สารอินทรีย (เชน ใบมะขาม ใบพลวง ซากถั่วลิสง และฟางขาว) และปริมาณไนโตรเจนมีสหสัมพันธสูงใน
ทางบวกกับปริมาณไนโตรเจน (r= 0.630*) ในสารอินทรีย และเมื่อเศษซากใบหญาแฝก พืชคลุมดิน ที่ไดจาก
การตัดใบหรือการรวงหลน (leaf litter fall) ทับถมของชั้นอินทรียวัตถุที่ผิวดินนั้น สงผลตอการเพิ่มปริมาณ