Page 52 - ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ ต่อการปลูกคะน้าในชุดดินบางกอก
P. 52
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
42
ตารางที่ 14 ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ ต่อจ านวนใบคะน้า
การทดลองปี 2558
จ านวนใบคะน้า (ใบ)
วิธีการทดลอง
7 วัน 14 วัน 21 วัน 28 วัน 35 วัน 42 วัน
b
ไม่ใส่ปุ๋ย 3.96 4.34 4.68 5.85 7.10 7.68
b
ปุ๋ยเคมี 15-15-15 อัตรา 34 กิโลกรัมต่อไร่ 3.98 4.53 5.00 6.45 7.50 7.99
b
ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ 4.17 4.57 4.89 6.40 7.45 7.80
b
ปุ๋ยเคมี 46-0-0 อัตรา 44 กิโลกรัมต่อไร่ 4.19 4.68 5.00 7.10 7.50 8.33
ปุ๋ยเคมีตามวิธีเกษตรกร 25-7-7 a
อัตรา 160 กิโลกรัมต่อไร่ 4.44 4.75 4.95 6.74 8.20 8.64
เฉลี่ย 4.15 4.57 4.90 6.51 7.55 8.09
F-test ns ns ns ns * ns
C.V. (%) 10.64 9.14 9.85 9.14 4.98 6.18
หมายเหตุ : ns ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ
* แตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์
ตัวอักษรที่เหมือนกันในสดมภ์เดียวกันไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ โดยการใช้ DMRT
2.2.5 น้ าหนักสดต่อต้น จากการทดลองพบว่า การใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและ
ปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ มีผลให้น้ าหนักสดต่อต้น ไม่แตกต่างกันทางสถิติ กล่าวคือ การใส่ปุ๋ยเคมีตามวิธี
เกษตรกร สูตร 25-7-7 อัตรา 160 กิโลกรัมต่อไร่ มีน ้าหนักสดต่อต้นมากสุดเท่ากับ 45 กรัม รองลงมา
คือการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน สูตร 46-0-0 อัตรา 44 กิโลกรัมต่อไร่ น้ าหนักสดต่อต้นเท่ากับ 40
กรัม (ตารางที่ 15) การไม่ใส่ปุ๋ยมีน้ าหนักสดต่อต้นต่ าสุด เท่ากับ 30 กรัม
2. 2 .6 ผลผลิตของคะน้า พบว่า การใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ มีผลให้
ผลผลิตผักคะน้าไม่แตกต่างกันทางสถิติ การใส่ปุ๋ยเคมีตามวิธีเกษตรกรได้รับผลผลิตสูงสุดเท่ากับ 2,410 กิโลกรัมต่อ
ไร่ รองลงมาเป็นการใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินได้รับผลผลิตเท่ากับ 2,157 กิโลกรัมต่อไร่ และการใส่ปุ๋ยอินทรีย์
คุณภาพสูง การใส่ปุ๋ยเคมีตามค าแนะน าให้ผลผลิตเท่ากับ 2,004 และ 1,964 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล าดับ และการไม่ใส่
ปุ๋ย ให้ผลผลิตต่ าสุดเท่ากับ 1,574 กิโลกรัมต่อไร่ (ตารางที่ 15)
คะน้าเป็นผักที่กินใบและล าต้น เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุสั้น จึงจ าเป็นต้องใช้ธาตุไนโตรเจนซึ่งเป็น
ธาตุอาหารหลักที่เหมาะสมและใช้ในปริมาณมาก ที่มีสัดส่วน 2:1:1 และผักคะน้าเป็นพืชที่ต้องการธาตุอาหาร
ไนโตรเจนมากกว่าฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมถึง 2 เท่า เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตและส่งผลต่อคุณภาพผลผลิต หาก
ได้รับไนโตรเจนอย่างเพียงพอในช่วงการเติบโตเริ่มต้น (vegetative growth) และช่วงพัฒนาด้านการเจริญ
พันธุ์ (reproductive stage) ท าให้คะน้าเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ (ยงยุทธ, 2552) สอดคล้องกับ
ฆ้องชัย และยรรยงค์ (2553) พบว่า ปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 ท าให้คะน้า มีน้ าหนักสดและน้ าหนักแห้งมากกว่าการใช้

