Page 44 - ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ ต่อการปลูกคะน้าในชุดดินบางกอก
P. 44

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                        34







                       1.3  ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ การทดลองปี 2557

                              จากการทดลอง พบว่าการใส่ปุ๋ยตามวิธีเกษตรกร สูตร 25-7-7 อัตรา 160 กิโลกรัมต่อไร่
                       มีต้นทุนการผลิตสูงสุด 14,150.00 บาทต่อไร่ รองลงมาเป็นการใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง  อัตรา 100
                       กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน สูตร 46-0-0 อัตรา 44 กิโลกรัมต่อไร่ และการใส่

                       ปุ๋ยเคมีตามค าแนะน าสูตร 15-15-15 อัตรา 34 กิโลกรัมต่อไร่ มีต้นทุนการผลิตเท่ากับ 12,110.00
                       11,801.00 และ 11,708.00 บาทต่อไร่ ตามล าดับ ส่วนการไม่ใส่ปุ๋ย มีต้นทุนการผลิตต่ าสุด เท่ากับ
                       10,860.00 บาทต่อไร่
                              ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ พบว่า การใส่ปุ๋ยตามวิธีเกษตรกร สูตร 25-7-7 ให้ผลตอบแทนสูงสุด เท่ากับ

                       33,244 บาทต่อไร่ รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน สูตร 46-0-0 การใส่ปุ๋ยเคมี สูตร
                       1 5 -1 5 -15 และการใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ  เท่ากับ 31,039
                       11,098 และ 10,804 บาทต่อไร่ ตามล าดับ และการไม่ใส่ปุ๋ยต่ าสุดเท่ากับ 8,382 บาทต่อไร่

                              จากการทดลองพบว่า การใส่ปุ๋ยเคมีตามวิธีเกษตรกร และวิธีการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
                       มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลแล้ว พบว่าการใส่ปุ๋ยตามวิธี
                       เกษตรกรให้ผลผลิต และต้นทุนสูงสุด แต่มีอัตราส่วนรายได้ต่อต้น (B/C  Ratio) ทุนเท่ากับ 3.34
                       ในขณะที่การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้รับผลผลิตรองลงมา ซึ่งมีปริมาณที่ใกล้เคียงกัน และมี
                       ต้นทุนผลผลิตน้อยกว่า แต่มีอัตราส่วนรายได้ต่อต้นทุนที่มากกว่าเท่ากับ 3.63 จึงเป็นวิธีการที่คุ้มค่า

                       กับกับการลงทุนมากกว่าทุกวิธีการ (ตารางที่ 8)
                              จะเห็นได้ว่า การใส่ปุ๋ยเคมีตามวิธีเกษตรกร สูตร 25-7-7 มีผลผลิต ต้นทุนการผลิต รายได้
                       ผลตอบแทน และอัตราส่วนรายได้ต่อต้นทุนมีค่าสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่นๆ ยกเว้น

                       อัตราส่วนรายได้ต่อต้นทุนของการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินที่มีค่าสูงกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีตามวิธี
                       เกษตรกร สูตร 25-7-7 อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในแง่ของพฤติกรรมการใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรที่ใช้
                       ในปริมาณมากเกินความต้องการของพืช และมีการใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งการเจริญเติบโตให้เพียงพอ
                       ต่อความต้องการของตลาด และท าให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่สูง (ไฉน, 2542) หากให้ปุ๋ยน้อย

                       เกินไปอาจจะท าให้เกิดอาการขาดธาตุอาหาร หรือธาตุอาหารไม่เพียงพอที่จะให้พืชน าไปใช้ในการ
                       เจริญเติบโต (ชวนพิศ, 2544)  ในขณะที่การใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินเป็นการใส่ปุ๋ยที่มีธาตุ
                       ไนโตรเจนเพียงธาตุเดียว มีปริมาณไนโตรเจน 20 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียม มี
                       การสะสม ตกค้างในดินปริมาณมากเพียงพอ จึงไม่จ าเป็นต้องเติมธาตุทั้ง 2 จากการใส่ปุ๋ย ส่งผลให้ลด

                       ต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมีได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ พรนภา และคณะ (2560) เรื่อง
                       การประเมินอัตราปุ๋ยที่เหมาะสมในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกในชุดดินตาคลี พบว่าหากในดินมี
                       ปริมาณฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสะสมในดินในระดับสู จึงควรงดการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและ
                       โพแทสเซียมเพื่อลดปริมาณการสะสมของธาตุอาหารทั้งสองในดิน เพราะนอกจากเป็นการสิ้นเปลือง

                       ปุ๋ยแล้วยังท าให้มีการสะสมของธาตุทั้งสองในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลของธาตุอาหาร
                       อื่นๆ ในดิน
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49