Page 121 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 121

- 114 -


                               5) ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ (available potassium) โดยใช้ 1 N NH4OAc pH 7.0
                  แล้ววัดปริมาณโพแทสเซียมด้วยเครื่อง flame photometer

                               6) ปริมาณด่างที่สกัดได้ (extractable bases) ซึ่งประกอบด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม
                  โพแทสเซียม และโซเดียม

                               7) ปริมาณกรดที่สกัดได้ (extractable acidity: EA) ใช้ barium choride triethanolamine
                  pH (8.2) เป็นสารละลาย

                               8) ค่าความจุแลกเปลี่ยนแคตไอออน (cation exchange capacity: CEC) และค่าความจุ
                  แลกเปลี่ยนแคตไอออนประสิทธิผล (effective cation exchange capacity:ECEC)

                               9) อัตราร้อยละความอิ่มตัวเบส (base saturation percentage; % BS)
                               10) ค่าการนําไฟฟ้าของสารละลายดิน (electrical conductivity)

                               11) ปริมาณแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3)
                               12) ปริมาณอะลูมินัมที่สกัดได้ (Extract. Al) ด้วยการชะล้างดินด้วย 1N KCl แล้วหาปริมาณ

                  ของ Al ด้วยการวัดสีหลังจากให้ทําปฏิกิริยากับ aluminon (NH4-aurine tricar- boxylate) หรือวิธีอื่น ๆ

                               13) ปริมาณเหล็กที่สกัดได้ (Extract. Fe)
                               14) ในกรณีที่เป็นดินเค็ม ต้องวิเคราะห์ค่าร้อยละของโซเดียมที่แลกเปลี่ยนได้ (exchangeable
                  sodium percentage: ESP) และค่าอัตราส่วนการดูดซับโซเดียม (sodium adsorption ratio: SAR) เพิ่มเติม

                            การวิเคราะห์สมบัติทางแร่วิทยาและจุลสัณฐานวิทยา ประกอบด้วย

                               1) วิเคราะห์องค์ประกอบทางแร่ในดิน โดยหาชนิดและปริมาณของแร่ดินเหนียว (clay
                  minerals) ที่มีขนาดอนุภาคดินเล็กกว่า 2 ไมโครเมตร และชนิดและปริมาณของแร่ในอนุภาคขนาดทรายแป้ง
                  (silt fraction) ขนาด 2-50 ไมโครเมตร โดยวิธีการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ์ (X-ray diffraction analysis)
                  (Jackson, 1965)

                               2) วิเคราะห์ทางจุลสัณฐานวิทยา (soil micromorphology) โดยทําให้ดินแข็งแล้วนํามาทํา
                  แผ่นตัดบาง (Thin section) ให้มีความหนา 0.03 มิลลิเมตร ตามวิธีของ Brewer (1960; 1964) แล้วศึกษา

                  ด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิดดูหินและแร่ (polarizing microscope) บรรยายลักษณะของดินทาง
                  micromorphology ตามวิธีของ Bullock et al. (1985)














                  ภาพที่ 5-13  การตรวจสอบตัวอย่างดินก่อนส่งเข้าห้องวิเคราะห์ดิน
   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126