Page 120 - แนวทางการศึกษาดินตัวแทนหลักสำหรับพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
P. 120

- 113 -




                  5.5 การเตรียมข้อมูลและตัวอย่างดินเพื่อการส่งวิเคราะห์

                         1. รวบรวมตัวอย่างดินที่เก็บมาแล้ว เพื่อคัดแยกชนิดและประเภทของตัวอย่าง ก่อนที่จะส่งวิเคราะห์
                  รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดต่างๆ ทั้ง ชื่อชุดดิน ชั้นดิน ความลึก จํานวนตัวอย่างดิน โดย
                  นํามาจัดเรียงตามลําดับชั้นและความลึก (ภาพที่ 5-13)

                         2. เพื่อความรวดเร็ว อาจช่วยเตรียมตัวอย่างดิน โดยนําตัวอย่างดินที่ถูกรบกวนมาผึ่งให้แห้งในที่ร่ม

                  หลังจากนั้นนําดินมาบดและร่อนผ่านตะแกรงร่อนขนาด 2 มิลลิเมตร เพื่อแยกก้อนกรวด เศษหินและแร่ และ
                  เศษซากพืชออก ซึ่งจะนําไปใช้ในการวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพ ทางเคมี และทางแร่วิทยาของดิน ส่วน
                  ตัวอย่าง core และ kubiena box จะนํามาเปิดฝาออก ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม

                         3. ระมัดระวังไม่ให้ตัวอย่างดินสลับชั้นหรือสลับชุดดินกัน ภายหลังจากที่นําตัวอย่างดินออกจากถุง

                  หรือแกะตัวอย่างจาก core หรือจาก kubiena box
                         4. จัดทําคําบรรยายหน้าตัดดินฉบับสมบูรณ์ และแบบบันทึกข้อมูลและรายละเอียดของตัวอย่างที่ส่ง

                  ตามแบบบันทึกส่งตัวอย่างดินของสํานักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดินกําหนดที่เป็นหน่วยงานหลักในการ
                  วิเคราะห์ดินของโครงการฯ นี้ เพื่อแนบไปพร้อมกับตัวอย่างดินสําหรับส่งวิเคราะห์

                         การวิเคราะห์ตัวอย่างดิน ได้ใช้วิธีมาตรฐานของ National Soil Survey Center (1996) สําหรับการ
                  จําแนกดิน ส่วนรายการที่จะส่งวิเคราะห์ดิน จะเป็นไปตามความต้องการในการจําแนกดินของชุดดินนั้นๆ
                  ตัวอย่างดินที่ส่งเข้าวิเคราะห์ แยกตามกลุ่มงาน ดังนี้


                            การวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพ ประกอบด้วย
                               1) วิเคราะห์การกระจายของอนุภาคดิน (soil particle size distribution) ในขนาดต่าง ๆ กัน
                  คือ ทราย (มี 5 ขนาด คือ ทรายหยาบมาก ทรายหยาบ ทรายหยาบปานกลาง ทรายละเอียด และทรายละเอียด

                  มาก) อนุภาคทรายแป้งและอนุภาคดินเหนียว โดยวิธี pipette แล้วเปรียบเทียบเนื้อดินจากระบบการจําแนก
                  เนื้อดินของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา

                               2) การวิเคราะห์หาความหนาแน่นรวมของดิน (bulk density)
                               3) การวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์การนําน้ําอิ่มตัวของดิน (saturated hydraulic
                  conductivity)

                               4) การวิเคราะห์ปริมาณความชื้นในดิน (water retention ที่ 1/3 และ 15 บาร์) โดยการวัด
                  แรงดึงน้ําในดินตามชั้นดินต่างๆ

                            การวิเคราะห์สมบัติทางเคมี ประกอบด้วย

                               1) ปฏิกิริยาของดิน (soil reaction, pH) โดยใช้เครื่องมือวัด เตรียมสารละลายดินโดยใช้น้ําและ
                  KCl เป็นสารละลาย

                               2) ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (organic matter)
                               3) ปริมาณไนโตรเจนรวม (total nitrogen)

                               4) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ (available phosphorus) โดยสกัดดินด้วยน้ํายา Bray II
                  แล้ววัดฟอสฟอรัสด้วยเครื่อง Spectrophotometer สําหรับดินที่มีค่าปฏิกิริยาดินเป็นด่างใช้วิธีของ Olsen
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125