Page 35 - ฐานข้อมูลแผนที่แหล่งน้ำประเทศไทย พ.ศ. 2546
P. 35
23
6.1 การพัฒนาแหลงน้ําในพื้นที่สาธารณประโยชน
พื้นที่สาธารณประโยชน เปนพื้นที่ที่ประชาชนใชประโยชนรวมกัน ซึ่ง
กระทรวงมหาดไทยเปนผูดูแลโดยผานทางผูวาราชการจังหวัดตาง ๆ เชน พื้นที่แหลงน้ําตามธรรมชาติตาง ๆ
ไดแก หนอง บึง ลําน้ําตาง ๆ และทําเลเลี้ยงสัตว หรือพื้นที่ของสวนราชการอื่น ๆ เปนผูดูแล เชน พื้นที่
ของทางราชการทหาร และพื้นที่ปาเสื่อมโทรม ถามีการพัฒนาแหลงน้ําขนาดเล็กในพื้นที่เหลานี้
โอกาสที่ประชาชนจะไดใชประโยชนรวมกันจะมีมากกวาที่จะไปพัฒนาแหลงน้ําในพื้นที่สวนบุคคล
หรือในพื้นที่ของประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจมีปญหาขัดแยงในการแยงกันใชประโยชนจากแหลงน้ําที่จัด
สรางขึ้นได
6.2 การพัฒนาแหลงน้ําในพื้นที่แหงแลงและน้ําทวมซ้ําซาก
การพัฒนาแหลงน้ําขนาดเล็กในพื้นที่แหงแลงและน้ําทวม ซ้ําซาก มีความ
จําเปนและเรงดวนอยางมากในการชวยบรรเทาความเดือดรอนของประชาชนในพื้นที่ กอนที่โครง
การพัฒนาแหลงน้ําขนาดใหญจะเกิดขึ้น ซึ่งในปจจุบันโครงการขนาดใหญเกิดขึ้นไดยากเนื่องจาก
ตองใชงบประมาณสูงและมักไดรับการตอตานจากประชาชนที่ไดรับผลกระทบและจากกลุมอนุรักษ
ตาง ๆ พื้นที่แหงแลงซ้ําซากหรือแหงแลงเปนประจําเปนที่เขาใจทั่วไปอยูแลววา ควรมีแหลงน้ําให
ประชาชนไดใชเพื่อแกปญหาการขาดแคลนน้ํา สําหรับในพื้นที่น้ําทวมซ้ําซากหรือน้ําทวมเปน
ประจําทุกป ก็มีความจําเปนตองพัฒนาแหลงน้ําขนาดเล็กพอ ๆ กันกับในพื้นที่แหงแลงซ้ําซาก เนื่อง
จากในพื้นที่น้ําทวมซ้ําซาก การเพาะปลูกพืชในฤดูเพาะปลูกหรือฤดูฝนมักไมคอยไดผล พืชผลจะ
เสียหายจากน้ําทวม จะทําการเพาะปลูกชวงกอนฤดูฝนหรือหลังฤดูฝนเมื่อน้ําไมทวมแลวมักมีน้ําไม
เพียงพอในการเพาะปลูก โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไมมีน้ําชลประทานหรือพื้นที่ที่อยูหางไกลแหลงน้ํา แนว
ทางการพัฒนาแหลงน้ําขนาดเล็กเพื่อการพัฒนาที่ดินในพื้นที่เหลานี้คือ ขุดลอกหนอง บึง และลําน้ํา
ที่มีอยูแลวใหกักเก็บน้ําไดมากขึ้น และระบายน้ําไดดีขึ้น นอกจากนี้ควรมีการสรางสระน้ําเพิ่มเติม
เพื่อแหลงน้ําที่ขุดลอกแลวและแหลงน้ําที่สรางขึ้นใหม จะเปนประโยชนอยางมากตอเกษตรกรในพื้น
ที่ชวงฤดูแลงหรือหลังน้ําลด ในดานเปนแหลงน้ําสําหรับการเพาะปลูก เปนแหลงน้ําของสัตวเลี้ยง
และเปนแหลงจับสัตวน้ําหรือเพาะเลี้ยงสัตวน้ําได
6.3 การพัฒนาแหลงน้ําในพื้นที่ที่มีการชะลางพังทลายของดิน
การพัฒนาแหลงน้ําในพื้นที่ที่มีการชะลางพังทลายของดินเกินกวาระดับที่
ยอมรับได คือ ตั้งแตระดับการสูญเสียดินปานกลางถึงรุนแรงมากที่สุด คือ สูญเสียดิน 2-มากกวา 20 ตัน/ไร/ป