Page 41 - ผลการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อปริมาณความชื้นและการแทรกซึมน้ำในดินปลูกมันสำปะหลัง Effect of Biochar for Soil Amendment on Moisture Content and Water Infiltration for Planting Cassava
P. 41
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
35
ระยะเวลา 3 เดือน จนถึงเก็บเกี่ยว ดินมีอัตราการแทรกซึมน้ำสูงกว่าการไม่ใส่ถ่านชีวภาพ ขณะที่ในกลุ่มดินเนื้อ
ละเอียด (เนื้อดินเป็นดินเหนียว) อัตราการแทรกซึมน้ำเริ่มต้นแตกต่างกันไปตั้งแต่ 19.5 ถึง 94.5 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง
และอัตราการแทรกซึมน้ำท้ายสุด 0.17 ถึง 0.63 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงปีแรกหลังใส่ถ่านชีวภาพอัตรา 2,000
กิโลกรัมต่อไร่ ระยะเวลา 3 เดือน จนถึงเก็บเกี่ยว ดินมีอัตราการแทรกซึมน้ำสูงกว่าการไม่ใส่ถ่านชีวภาพ
การศึกษาพบว่าการใส่ถ่านชีวภาพไม้ประดู่อัตรา 2,000 กิโลกรัมต่อไร่ ส่งผลให้ปริมาณความชื้น และอัตราการ
แทรกซึมน้ำของดินทั้ง 3 กลุ่มเนื้อดิน ในช่วงปีแรกมีปริมาณสูงกว่าแปลงที่ไม่ใส่ถ่านชีวภาพ สิ่งสำคัญที่มีผลต่อ
ความชื้นในดิน คือการแทรกซึมน้ำของดินหรือการเคลื่อนย้ายน้ำลงดิน ซึ่งน้ำที่มีการซึมลงดินนี้เองจะเป็นส่วนหนึ่ง
ของความชื้นในดิน ถ้าปริมาณการซึมน้ำมีมากก็จะทำให้มีปริมาณความชื้นเพิ่มขึ้นในดิน สอดคล้องกับการศึกษาของ
Verheijen และคณะ (2010) รายงานว่าการใส่ถ่านชีวภาพปริมาณ 1-2 เปอร์เซนต์ (โดยน้ำหนักเปียก) ช่วยเพิ่ม
สมบัติทางกายภาพดินได้ (ความจุน้ำในดิน) Abel และคณะ (2013) กล่าวว่าถ่านชีวภาพ 2.5 เปอร์เซนต์ (น้ำหนัก
แห้ง) ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูงสุดในดินทราย ขณะที่ Gaskin และคณะ (2007) พบว่าการใส่ถ่านชีวภาพ 2
เปอร์เซนต์ ไม่ทำให้ปริมาณน้ำในดินร่วนปนทรายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่จะเห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อใส่ถ่าน
ชีวภาพเพิ่มขึ้นถึง 8 เปอร์เซนต์ การเติมถ่านชีวภาพไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกระบวนการต่าง ๆ เช่น การเก็บน้ำในดิน
และการนำไฟฟ้า แต่อาจช่วยเพิ่มความสามารถในการแทรกซึมน้ำของดิน (Igbadunh et al., 2016) อย่างไรก็ตาม
ไม่ใช่ว่าถ่านชีวภาพจากวัตถุดิบทุกชนิดจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการปรับปรุงค่าเริ่มต้นการแทรกซึมน้ำของดิน และ
โครงสร้างดิน การแทรกซึมอาจได้รับผลกระทบจากอนุภาคผิวดินที่มีสภาวะไม่ชอบน้ำ (soil Hydrophobicity)
(Assouline and Mualem, 1997) ดินที่ไม่ชอบน้ำ (โดยเฉพาะดินแห้งมาก) อาจทำให้อัตราการแทรกซึมน้ำเริ่มต้น
ต่ำเพิ่มขึ้นเป็นเวลามาก ตรงกันข้ามกับดินที่มีสมบัติไม่กันน้ำมีอัตราการแทรกซึมเริ่มต้นสูง มีการศึกษาเพียงเล็กน้อย
ที่ศึกษาผลกระทบของถ่านชีวภาพต่อการแทรกซึมและการไหลบ่า Itsukushima et al. (2016) รายงานว่าดินที่
ปรับปรุงด้วยถ่านชีวภาพไม้ไผ่ และฮิวมัสจะมีอัตราการแทรกซึมเริ่มต้นและขั้นสุดท้ายสูงกว่าดินที่ไม่ใส่ถ่านชีวภาพ
Hamidreza Sadeghi et al. (2016) รายงานว่าก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝนเมื่อมีการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพ จะช่วย
ลดการไหล่บ่าของน้ำ เนื่องจากถ่านชีวภาพช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำ หรือเพิ่มความสามารถในการ
แทรกซึมน้ำของดินชั้นบน
ผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิตมันสำปะหลังในแต่ละกลุ่มเนื้อดิน ตามวิธีการใส่ถ่านชีวภาพทั้ง 3 อัตรา
ประกอบด้วยน้ำหนักสดเหนือดิน (น้ำหนักลำต้น เหง้า กิ่งก้านและใบ) ผลผลิตหัวมันสำปะหลัง ร้อยละการสะสมแป้ง
และผลผลิตแป้ง พบว่าในทั้ง 3 กลุ่มเนื้อดิน การใส่ถ่านชีวภาพไม่ทำให้ได้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติ แต่พบว่าช่วงปีแรกการใส่ถ่านชีวภาพอัตรา 2,000 กิโลกรัมต่อไร่ มีผลทำให้น้ำหนักลำต้นในดิน
เนื้อหยาบและดินเนื้อละเอียด และน้ำหนักส่วนเหนือดินในดินเนื้อหยาบสูงกว่าการไม่ใส่ถ่านชีวภาพ (ตำรับควบคุม)
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ