Page 24 - เทคโนโลยีการจัดการดินเพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์มันแกวที่มีปริมาณและคุณภาพที่ดีที่เหมาะสมในดินทราย จังหวัดมหาสารคาม
P. 24
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
22
การปลดปลอยธาตุโพแทสเซียมในปุยอินทรีย จะชากวาปุยเคมี ปุยเคมีมีโอกาสสูญเสียธาตุอาหารไปจาก
ดินไดงาย แตปุยอินทรียจะปลดปลอยโพแทสเซียมออกมาทีละนอยและทําใหมีผลตกคางอยูในดินยาวนานกวา จะ
เห็นไดวาการใชปุยอินทรียรวมกับปุยเคมีจะทําใหเกิดความสมดุลของธาตุอาหารในดิน
1.3 ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได : จากการที่แคลเซียมเปนธาตุอาหารรองและอยูในองคประกอบ
ของดิน วัสดุเศษพืชและวัสดุปรับปรุงดินในปริมาณมากกวาธาตุชนิดอื่น ซึ่งพืชมีความตองการในปริมาณมาก
เชนกัน เพื่อการเจริญเติบโตของรากพืช และชวยในการยกระดับความเปนกรดเปนดางของดินใหสูงขึ้นดวย ทําให
ธาตุอาหารพืชถูกตรึงนอยลง ดังนั้นการใสปุยอินทรียมีแนวโนมทําใหปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในชุดดิน
บานไผมีปริมาณสูงขึ้น (วนิดา, 2558) หลังเก็บผลผลิตมันแกว แคลเซียมจะถูกดึงดูดไปใชในพืช จะเห็นไดวามี
ปริมาณแคลเซียมในดินลดลงทุกแปลง โดยกอนการทดลองปที่ 1 มีปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได 0.48
-1
Cmolkg ภายหลังเก็บผลผลิตมันแกว วิธีปลูกมันแกวโดยยกรอง ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.284
-1
-1
Cmolkg สวนวิธีการปลูกมันแกวแบบไมยกรอง ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.248 Cmolkg ไมมี
ความแตกตางกันทางสถิติ และเมื่อการศึกษาซ้ําในปที่สองในแปลงบริเวณเหนือขึ้นไปเล็กนอย กอนทดลองมี
-1
ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได 0.74 Cmolkg ภายหลังเก็บผลผลิตมันแกว วิธีปลูกมันแกวโดยยกรอง
-1
ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.607 Cmolkg สวนวิธีการปลูกมันแกวแบบไมยกรอง ปริมาณ
-1
แคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.588 Cmolkg ไมมีความแตกตางกันทางสถิติ ดังนั้น วิธีการปลูกมันแกวแบบ
ยกรองและการปลูกมันแกวแบบไมยกรอง ไมมีผลตอคาปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในดิน
สําหรับการใสปุยชนิดตางๆ ไมไดทําใหคาปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในดินหลังการทดลองแตกตาง
กันอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ และการเปลี่ยนแปลงของปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในดินลดลงเมื่อเทียบกับ
กอนการทดลองภายหลังจากใสปุยสูตรตางๆ เนื่องจากปริมาณแคลเซียมถูกพืชนําไปใช ทั้งสองรอบการผลิตพืช
ดังนั้นการปลูกมันแกวแบบยกรองและไมยกรอง รวมกับการใสปุยสูตรตางๆ ไมมีอิทธิพลตอการ
เปลี่ยนแปลงปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในดิน การเปลี่ยนแปลงของปริมาณแคลเซียมที่ลดลงเกิดจากการ
ดูดดึงไปใชในการเจริญเติบโตของมันแกว
1.4 ปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได : แมกนีเซียมเปนธาตุอาหารรองที่พืชมีความตองการในปริมาณ
คอนขางสูงแตจะนอยกวาแคลเซียม แมกนีเซียมเปนธาตุอาหารที่มีความจําเปนตอการสรางคลอโรฟลลในพืช และ
รวมถึงการแบงเซลลของพืชดวย ซึ่งแมกนีเซียมไดมาจากการสลายตัวของอินทรียสารดวย (ถวิล, 2540) มีลักษณะ
การเปลี่ยนแปลงระดับความเปนประโยชนของแมกนีเซียมในชุดดินบานไผหลังการเก็บผลผลิตเมล็ดมันแกวนั้นจะ
คลายกันกับการเปลี่ยนแปลงของแคลเซียมในดิน หลังเก็บผลผลิตมันแกว แมกนีเซียมจะถูกดึงดูดไปใชในพืช แต
ปริมาณแมกนีเซียมในดินเพิ่มขึ้นทุกแปลง โดยกอนการทดลองปที่ 1 มีปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนไดมีคา
-1
0.02 Cmolkg ภายหลังเก็บผลผลิตมันแกว วิธีปลูกมันแกวโดยยกรอง ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา
-1
-1
0.064 Cmolkg สวนวิธีการปลูกมันแกวแบบไมยกรอง ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.058 Cmolkg
ไมมีความแตกตางกันทางสถิติ และเมื่อการศึกษาซ้ําในปที่สองในแปลงบริเวณเหนือขึ้นไปเล็กนอย กอนการ
-1
ทดลองมีปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได 0.18 Cmolkg ภายหลังเก็บผลผลิตมันแกว วิธีปลูกมันแกวโดยยก
-1
รอง ปริมาณแคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.163 Cmolkg สวนวิธีการปลูกมันแกวแบบไมยกรอง ปริมาณ
-1
แคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได มีคา 0.170 Cmolkg ไมมีความแตกตางกันทางสถิติ ดังนั้น วิธีการปลูกมันแกวแบบ
ยกรองและไมยกรอง ไมมีผลตอคาปริมาณแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนไดในดิน