Page 48 - แผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลุ่มน้ำคลองแอ่ง อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด
P. 48
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
30
จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทรัพยากรดินระดับชุดดิน มาตราส่วน 1:25,000 ในพื้นที่ลุ่มน้ า
คลองแอ่ง ซึ่งมีเนื้อที่ครอบคลุม 84,890 ไร่ สามารถจ าแนกเป็นหน่วยแผนที่ดินได้ 18 หน่วยแผนที่ (ตารางที่ 3-3
และภาพที่ 3-4) ประกอบด้วย ระดับหน่วยจ าแนก มี 8 ชุดดิน ( 17 หน่วยแผนที่) ดินคล้าย 1 ดิน (1หน่วยแผน
ที่) คิดเป็นร้อยละ 58.4 ของเนื้อที่ทั้งหมด (รายละเอียดชุดดินตามภาคผนวกที่1) พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน (SC) มี 1
หน่วยแผนที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในบริเวณขอบเขตด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของพื้นที่ลุ่มน้ า
คิดเป็นร้อยละ 41.17 ของเนื้อที่ทั้งหมด และพื้นที่น้ า (W) 1 หน่วยแผนที่ คิดเป็นร้อยละ 0.43 ของเนื้อที่ทั้งหมด
โดยเมื่อพิจารณาตามการกระจายตัวของดิน ลักษณะดินและสภาพพื้นที่ที่พบจะเห็นว่า ชุดดินที่มี
การกระจายตัวมากที่สุด คือ ชุดดินคลองชาก (Kc) มีเนื้อที่ร้อยละ 18.90 ของเนื้อที่ทั้งหมด กระจาย
ครอบคลุมในพื้นที่ต าบลหนองบอน ต าบลช้างทูน และต าบลบ่อพลอย ลักษณะดินเป็นดินเหนียวตื้นถึงชั้น
ลูกรังหนาแน่น มีเนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียวปนกรวดลูกรัง ดินล่างเป็นดินร่วน
เหนียวปนกรวดลูกรังหรือดินเหนียวปนกรวดลูกรัง พบในสภาพพื้นที่แบบค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนชัน
นอกจากนี้ ยังพบการกระจายตัวของชุดดินหนองบอน (Nb) ชุดดินห้วยยอด (Ho) และชุดดิน
โป่งน้ าร้อน (Pon) มีเนื้อที่ร้อยละ 15.82 7.59 และ 0.90 ตามล าดับ ดินมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด
การชะล้างพังทลาย โดยเฉพาะดินที่มีลักษณะเนื้อดินบนและดินล่างต่างกัน ดินตื้น และมีความลาดชันสูง
(สภาพพื้นที่ลอนชันและพื้นที่เนินเขา ความลาดชัน 12-35 เปอร์เซ็นต์) ควรมีมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ า
ที่เหมาะสม เช่น การท าคันดินกั้นน้ า ท าขั้นบันได และปลูกพืชตามแนวระดับขวางความลาดชันของพื้นที่
เพื่อชะลอความเร็วของน้ าที่ไหลบ่าผ่านผิวดิน ช่วยลดการชะล้างของหน้าดิน และน้ าซึมผ่านลงไปในดินชั้น
ล่างได้มากขึ้น ท าให้ความชื้นในดินมากขึ้น นอกจากนี้ ควรปลูกพืชคลุมดินเพื่อช่วยรักษาความชื้นของดิน
ไว้และยังช่วยลดการชะล้างพังทลายของดินได้อีกด้วย
เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านลักษณะของดินที่มีผลต่อการชะล้างพังทลายของดิน ซึ่งดินแต่ละชนิดจะ
ทนต่อการชะล้างพังทลายที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะค่าปัจจัยความคงทน
ของดิน (K-factor) ที่สามารถน าไปประเมินการสูญเสียดินในสมการการสูญเสียดินสากล (USLE) จะเห็น
ว่าปัจจัยสมบัติดินที่มีผลต่อค่าปัจจัยความคงทนของดิน ได้แก่ (1) ผลรวมปริมาณร้อยละของทรายแป้ง
และปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมาก (% silt + % very fine sand) (2) ปริมาณร้อยละของทราย
(%sand) (3) ปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดิน (% organic matter) (4) โครงสร้างของดิน
(soil structure) และ (5) การซาบซึมน้ าของดิน (permeability) (กรมพัฒนาที่ดิน, 2545) จากการศึกษา
ค่าปัจจัยความคงทนของดินต่อการชะล้างพังทะลาย (K-factor) ตามชนิดวัตถุต้นก าเนิดดินในพื้นที่สูงของ
ลุ่มน้ าตราดพบว่า ผลรวมปริมาณร้อยละของทรายแป้งและปริมาณร้อยละของทรายละเอียดมากมีค่าสูง
ส่งผลให้ค่า K-factor สูง และปริมาณร้อยละของอินทรียวัตถุในดินสูงส่งผลให้ค่า K-factor ต่ า และยัง
พบว่าดินในกลุ่มวัตถุต้นก าเนิดดินพวกหินตะกอนเนื้อหยาบมีแนวโน้มให้ค่า K-factor มากที่สุด และดินใน
กลุ่มวัตถุต้นก าเนิดดินพวกหินอัคนีสีเข้มมีค่า K-factor น้อยที่สุด (กองส ารวจและจ าแนกดิน, 2543)
จากลักษณะและสมบัติดินดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ดินที่มีค่า K-factor สูง (ง่ายต่อการกร่อน) จะมีแนวโน้มเกิด