Page 79 - สถานภาพการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทย Status of Soil Erosion in Thailand
P. 79
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
69
การชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่แต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน เนื่องมาจากความแปรปรวนของ
ธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ ท าให้เกิดความรุนแรงของระดับการสูญเสียของดินที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร
และสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน
ภาคเหนือ มีเนื้อที่รวมทั้งหมด 106,027,680 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 33.06 ของเนื้อที่
ทั้งประเทศ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 17 จังหวัด คือ ก าแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน พิจิตร
พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ล าปาง ล าพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และพะเยา สภาพภูมิประเทศ
ของภาคเหนือ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่มีความลาดชันสูงและเป็นภูเขาสูงที่เอื้อต่อการเกิดการชะล้างพังทลายของดิน
จากจ านวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เกษตรกรขาดที่ดินท ากิน ประกอบกับสภาวะทางเศรษฐกิจสังคม
เกษตรกรจึงมีความต้องการเพิ่มพื้นที่ท าการเกษตรเพื่อยังชีพและค้าขายเพื่อเพิ่มรายได้ ท าให้บางพื้นที่มีการ
รุกล้ าพื้นที่ป่าและลักลอบตัดไม้ท าลายป่าเพื่อท าการเกษตร โดยมีการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้พื้นที่ที่
มีความลาดชันสูงส าหรับปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชผัก และขาด
มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ า และปรับปรุงบ ารุงดินอย่างเหมาะสมและถูกวิธี
จากการประเมินการสูญเสียดินในพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนใหญ่มีการสูญเสียดินอยู่ในระดับน้อย
(0 - 2 ตันต่อไร่ต่อปี) หรือคิดเป็นร้อยละ 71.48 ของเนื้อที่ทั้งหมดของภาค รองลงมา คือ ระดับปานกลาง
(2-5 ตันต่อไร่ต่อปี) ส่วนระดับรุนแรงและรุนแรงมากที่สุดมีเนื้อที่ใกล้เคียงกัน และจะเห็นว่า การสูญเสียดิน
มากกว่า 2 ตันต่อไร่ต่อปี มีเนื้อที่รวม 30,244,419 ไร่ หรือร้อยละ 28.52 ของเนื้อที่ทั้งหมดของภาค (ตารางที่ 3.3
และภาพที่ 3.2) พบในพื้นที่ตอนบนของภาคบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ น่าน เชียงราย และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะ
จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่การสูญเสียดินมากที่สุด
เมื่อพิจารณาระดับการสูญเสียดินตามสภาพพื้นที่ราบและพื้นที่สูง (ตารางที่ 3.4) ซึ่งมีเนื้อที่
คิดเป็นสัดส่วนของเนื้อที่ทั้งหมดของภาคเท่ากับร้อยละ 44.44 และ 55.56 ตามล าดับ โดยทั้งสองพื้นที่มีสัดส่วน
เนื้อที่ของการสูญเสียดินสูงสุดที่ระดับความรุนแรงในระดับน้อย (0-2 ตันต่อไร่ต่อปี) และมีเนื้อที่ใกล้เคียงกัน
เช่นเดียวกับการสูญเสียดินระดับรุนแรง (5-15 ตันต่อไรต่อปี) แต่จะเห็นว่า การสูญเสียดินที่ระดับปานกลาง (2-5
ตันต่อไร่ต่อปี) ระดับรุนแรงมาก (15-20 ตันต่อไร่ต่อปี) และรุนแรงมากที่สุด (>20 ตันต่อไร่ต่อปี) ในพื้นที่สูงมี
สัดส่วนของเนื้อที่การสูญเสียดินสูงกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ราบ โดยในพื้นที่ราบจังหวัดก าแพงเพชร มีพื้นที่ที่มี
การสูญเสียดินมากกว่า 2 ตันต่อไร่ต่อปี สูงสุด รองลงมาคือ จังหวัดพิษณุโลกและอุทัยธานี ตามล าดับ ส่วนใน
พื้นที่สูง พบว่า จังหวัดน่านมีพื้นที่การสูญเสียดินสูงสุด รองลงมา คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเชียงราย
จะเห็นได้ว่า ในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในสภาพพื้นที่ไม่มีพืชปกคลุมหรือเขาหัวโล้น ยิ่งส่งผล
ท าให้เกิดการชะล้างและไหลบ่าของหน้าดินจ านวนมาก สภาพพื้นที่เป็นร่องลึกโดยเฉพาะบริเวณที่มีความลาดชัน
สูง และในช่วงเวลาฝนตกชุก ดินอุ้มน้ ามากจนเกินไปท าให้มีการชะล้างพังทลายรุนแรงมากจนเกิด “ดินถล่ม”
ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในวงกว้าง ระบบนิเวศน์เสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง สูญเสียหน้าดิน
และธาตุอาหาร ดินเกิดการไหลบ่าจากพื้นที่สูงลงสู่พื้นที่ต่ า เกิดเป็นตะกอนดินทับถมซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับ
บ้านเรือนประชาชน พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายโดยเฉพาะช่วงต้นฤดูเพาะปลูก อีกทั้ง เกิดสภาพตื้นเขิน
และตะกอนขุ่น เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ า ห้วย ล าน้ า แม่น้ าสายหลัก กระจายไปทั่วพื้นที่ลุ่มน้ า
และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน สภาพเศรษฐกิจและสังคม ท าลายชีวิตและทรัพย์สิน เกิดความ
สิ้นเปลืองและมีค่าใช้จ่ายสูงในการฟื้นฟูให้กลับคืนดังเดิม ซึ่งเหตุการณ์ดินถล่มในภาคเหนือเกือบทุกจังหวัด
ในช่วงฤดูฝน ปัญหาดินโคลนถล่ม น้ าป่าไหลหลาก น้ าท่วมฉับพลัน เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี