Page 36 - เปรียบเทียบพันธุ์หญ้าแฝกและพืชคลุมดินต่อการฟื้นฟูและการปรับปรุงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน
P. 36
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
20
มีแนวโนมเพิ่มขึ้นตลอดชวง 40-48 เดือน ในขณะที่หญาแฝกพันธุศรีลังกา พันธุพระราชทาน พันธุ
สงขลา 3 พันธุตรัง 2 มีแนวโนมเพิ่มขึ้นในชวงอายุ 40-44 เดือน และลดลงชวงอายุ 44-48 เดือน ซึ่ง
พันธุพระราชทานมีปริมาณน้ําหนักใบในระดับต่ําตลอดชวงอายุ 40-48 เดือน นอกจากนี้ เมื่อ
พิจารณาน้ําหนักใบของพืชคลุมดินทั้ง 2 ชนิด มีปริมาณลดลงอยางตอเนื่องจนกระทั่งเมื่ออายุ 48
เดือน จากการเปลี่ยนแปลงของน้ําหนักใบหญาแฝกและพืชคลุมดินสงผลใหน้ําหนักใบรวมตั้งแตอายุ
40-48 เดือน (ปที่ 2) แตกตางกัน โดยหญาแฝกพันธุประจวบคีรีขันธมีปริมาณน้ําหนักทั้งหมดสูงสุด
1,268.17 กิโลกรัมตอไรตอป รองลงมาคือ พันธุรอยเอ็ด พันธุศรีลังกา และพันธุสุราษฎรธานี สวน
พืชคลุมดินชนิดถั่วปนโต 628.95 กิโลกรัมตอไรตอป และถั่วเวอราโน 746.28 กิโลกรัมตอไรตอป จะ
เห็นไดวาพืชคลุมดินทั้ง 2 ชนิด มีน้ําหนักใบนอยกวาหญาแฝก ยกเวนหญาแฝกพันธุพระราชทานมี
น้ําหนักใบทั้งหมดต่ําสุด 564.95 กิโลกรัมตอไรตอป โดยพืชคลุมดินทั้ง 2 ชนิด เปนประเภทเถาเลื้อย
และประเภทพุมเตี้ย ไมนิยมไถกลบเปนปุยพืชสดบํารุงดิน เพราะมีมวลชีวภาพต่ํา พืชคลุมดินชนิด
ถั่วปนโต และถั่วเวอราโนการเจริญเติบโตลดลงเมื่ออายุ 40 เดือน โดยเฉพาะถั่วเวอราโนเนื่องจากเปน
พืชอายุสั้นประมาณ 2-3 ป จึงตองดําเนินการปลูกใหม สวนหญาแฝกมีการแตกหนอใหมอยูเสมอทําให
ไมตองเสียคาใชจายในการปลูกใหม สําหรับหญาแฝกดอนพันธุราชบุรีมีน้ําหนักใบสูงที่สุดที่อายุ 32
เดือน และ 36 เดือน เมื่อพิจารณาปริมาณน้ําหนักใบซึ่งสะทอนถึงปริมาณมวลชีวภาพที่ตัดเพื่อคลุม
ดินทั้งในปที่ 1 (28-36 เดือน) และปที่ 2 (40-48 เดือน) จะเห็นวาจากการตัดใบหญาแฝกและพืชคลุม
ดินทุก 4 เดือน ในปที่ 2 น้ําหนักใบมีแนวโนมเพิ่มขึ้นมากกวาปแรก ยกเวนหญาแฝกพันธุราชบุรีที่
น้ําหนักใบลดลง เมื่อพิจารณาปริมาณน้ําหนักที่ไดรับจากพันธุตาง ๆ มีความแตกตางกันนั้นเปน
เพราะวามีปจจัยที่เปนองคประกอบที่ชวยใหน้ําหนักใบผลผลิตไดรับมากหรือนอย อาจขึ้นอยูกับความ
ยาวของใบหญาแฝก โดยวิทูร (2538) รายงานวาหญาแฝกที่มีการเจริญเติบโตดีทั้งดานความสูงและ
การแตกกอ มีแนวโนมไดรับปริมาณน้ําหนักหญาแฝกสูง เชนการแตกกอหญาแฝกดอนมีการแตกกอ
หนาแนนละเอียดกวาหญาแฝกลุม การออกดอกสวนใหญหญาแฝกดอนออกดอกชากวาหญาแฝกลุม
แสดงวาหญาแฝกดอนมีการเจริญเติบโตทางตน และทางใบนานกวาหญาแฝกลุม นอกจากนี้พืชที่
ไดรับอิทธิพลปจจัยทางดิน เชนปริมาณน้ําฝนทําใหมีความชื้นเปลี่ยนแปลงตลอดชวงการศึกษา
ลักษณะของชุดดิน สงผลตอปริมาณน้ําหนักใบเชนกัน กมลาภา (2556) พบวาชุดดินพัทลุงในปที่ 1
น้ําหนักใบหญาแฝกดอนพันธุประจวบคีรีขันธสูงสุดเทากับ 6.00 กิโลกรัมตอกอ สวนหญาแฝกลุมพันธุ
ศรีลังกามีน้ําหนักใบต่ําสุดเทากับ 4.60 กิโลกรัมตอกอ ประภา (2554) รายงานวาในชุดดินปราจีน
หญาแฝกดอน 2 พันธุ และหญาแฝกลุม 3 พันธุ เมื่อมีการตัดใบคลุมดิน พบวาหญาแฝกดอนพันธุ
รอยเอ็ดมีน้ําหนักใบสูงสุดคิดเปน 15.54 ตันตอไร รองลงมาไดแกพันธุศรีลังกา น้ําหนักใบ 12.65 ตัน
ตอไร นอกจากนี้ปรีชา และสุเมธ (2543) พบวาชุดดินมาบบอนน้ําหนักมวลชีวภาพใบและรากของ
หญาแฝกดอนพันธุรอยเอ็ดจะมีน้ําหนักมวลชีวภาพดีที่สุด รองลงมาพันธุสงขลา 3 สมศักดิ์ และ
คณะ (2544) พบวา น้ําหนักแหงของหญาแฝกที่ปลูกในดินทราย โดยปลูกหญาแฝกดอน 6 พันธุ และ
หญาแฝกลุม 11 พันธุ จากการเก็บเกี่ยว 6 ครั้ง ตลอดการทดลอง 1 ป หญาแฝกดอนมีน้ําหนักแหง
เฉลี่ย 1,179 กิโลกรัมตอไรตอป มากกวาหญาแฝกลุมน้ําหนักเฉลี่ย 555 กิโลกรัมตอไรตอป โดยหญา
แฝกสายพันธุราชบุรีมีแนวโนมใหผลผลิตน้ําหนักแหงสูงสุด คือ 1,518 กิโลกรัมตอไรตอป เนื่องจาก
หญาแฝกดอนจะเจริญเติบโตไดดีในพื้นที่คอนขางแหงแลง และดินมีการระบายน้ําคอนขางดี
(สํานักวิจัยและพัฒนาการจัดการที่ดิน, 2547)